11/15/2010

เหตุเกิดเพราะใบไม้ร่วง...ตอนจบ


     วันนี้ฟ้าแจ่มใส ไม่หนาวมาก หญิงสาวเธอเดินทะมัดทะแมง ผ่านเนินเขาขึ้นมา สองข้างทางเป็นต้นองุ่นที่ใบเหลืองเป็นแนว  ซึ่งต้นองุ่นเตรียมพร้อมที่จะสลัดใบทิ้งอยู่รอมล่อ
ป่าแถวนี้สวยจริงๆ เธอคิดในใจ แถวปารีส ไม่เห็นเป็นแบบนี้แฮะ ที่อองกูเล็มนี่ช่างมีธรรมชาติที่สวยจริงๆ  ต้นไม้สีแดง สีส้ม  ดูสิ ต้นโน่นสีแดงสด ทั้งต้นเลย เธอรำพึงคนเดียว

     เธอก้าวเดินไปตามทางเลี้ยวเล็กๆ นั่น เห็นมีรอยรถ แต่ถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้ที่แข่งกันร่วงลงมา
สีเหลือง สีแดงเต็มพื้น   เธอก้าวเดินไปอีกนิดหน่อย ไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปลึกมากนัก เพราะกลัวจะเป็นเขตล่าสัตว์ ตามที่เพื่อนบอกเอาไว้ว่าไม่ควรเดินเข้าไปในป่า เพราะอาจกลายเป็นไก่ป่าที่ถูกล่าได้ 
เธอจึงเดินไปถ่ายรูป ต้นไม้สีแดงสดใกล้ๆ นั่น มันสวยจริงๆนะ


พลันได้ยินเสียงปืน ดังเหมือนเฉียดหูเธอไปไม่เกินเส้นยาแดง เธอสะดุ้งสุดตัว หันหลังกลับมา
อัตนโนมัติ ตาเบิกโพรง มองเห็น สุนัขกระโจนโผล่หลังต้นไม้นั่น และพุ่งเข้าหาตัวเธออย่างไม่ทันจะหลบเลี่ยง
  
และตามด้วยเจ้าของมัน  ร่างสูงนั้นเงยขึ้น พร้อมหยุดชะงัก มองเธอค่อยๆ ล้มลง เค้าตกใจสุดขีด
ถลาเข้าไปประคองเธอ  พร้อมทั้งมองว่า มีเลือดออกจากส่วนใหนหรือเปล่า 

“เอเรีย” นั่งลง  เค้าสั่งสุนัขให้เธอนั่งลง  เธอทำตามอย่างว่าง่าย

“คุณครับ เป็นไรหรือเปล่า “ เค้าเขย่าร่างเธอเบาๆ หลังจากที่สำรวจแล้ว ไม่มีกระสุนเจาะเข้าไปในส่วนใดของร่างกายเธอ เพราะเค้าเองก็รู้ว่า ใครบางคนยิงสัตว์อยู่ทางฝากเขตล่าสัตว์โน้น ไม่น่าจะใช่ตรงนี้

“คุณครับ” เค้าเรียกเธอ พร้อมถอดถุงมือออก แล้วจับหน้าเธอเบาๆ เพื่อปลุก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น และมองเค้า  ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเค้ามองเธออยู่ก่อนแล้ว  เธอค่อยๆ ประคองตัวขึ้น แต่ก็ถลาหน้าทิ่มลงไปอีก  
“โอเค ชั้นโอเคแล้ว คงจะตกใจไปน่ะ”  “ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”   เค้าบอกเธอ
เมื่อเห็นเธอพูดฝรั่งเศสคล่องแม้สำเนียงจะไม่ชัดมากนัก

“ชั้นหนาวมาก” เธอทำท่ากอดอกตัวสั่น
แล้วเค้าก็เข้ามาประคองเธอ เดินออกมาที่ถนน “ผมจะไปส่ง”  เค้าบอก

“ไม่ ไม่ ชั้นหนาวมาก ตอนนี้ชั้นหนาวมาก อยากได้อะไรที่อุ่นที่สุดตอนนี้” เธอปากสั่น ตัวสั่น
เค้ากอดเธอ และบอกว่า เข้าไปในบ้านพักที่ไร่เค้าข้างหน้านี้ก่อน มีโอวัลตินอยู่ที่นั่น เธอมองตาม
ไปบ้านหลังขนาดย่อม มีรถสีขาวจอดอยู่หนึ่งคัน  พร้อมทั้งก้าวเดิน ไปตามแรงประคองของเค้า 

      วา เล่าจบ ก็ขยับตัว เบี่ยงตัวลุกขึ้นนั่งที่โซฟา  หน้าเตาผิงนั่น ฉันมองตามขาเธอที่ยาว เรียว สวย   และ เธอหันหน้ามามองฉันตรงๆ


“เธอคิดได้ไงอ่ะ วา” ฉันถามออกไป “ไม่กลัวเค้าช็อคตายเหรอ นึกว่าเธอถูกยิง เป็นกวางป่า ตายอยู่ตรงนั้นน่ะ”
เธอยิ้มกว้าง  แล้วตอบว่า

“ก็ตอนที่ชั้นเห็น เจ้า เอเรียกระโจนมาน่ะ ชั้นตกใจสุดขีด ก็ไซบีเรียนฯตัวใหญ่ขนาดนั้น” 
“แล้วก็เห็นเค้าโผล่เข้ามา  หล่อมากกกกก ล่ะลี  มันเป็นจังหวะที่สิ้นเสียงปืนที่ใหนสักแห่งพอดี ชั้นก็เลยล้มตัวลงไป กะว่าเค้าต้องมาประคองชั้นแน่ๆ”

วาเล่าต่อด้วยความตื่นเต้น หลังจากที่ ชายรูปหล่อคนนั้น มาส่งที่บ้าน  เมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้

ใช่ล่ะ เค้าหน้าตาดี ฉันจำได้ ก็คนที่โยนถุงมือให้ชั้นวันก่อนนั่นไง พึ่งรู้ว่าเค้า ชื่อ ดีสเนิฟ
(ใช่ล่ะ ดีสเนิฟ แปลว่า สิบเก้า นายสิบเก้า ชื่อแปลก)

     วามาหาฉันเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว  เธออาศัยที่ ใกล้ๆ ปารีส เขต  93 noisy le grand หญิงสาววัย 33 ปี
เธออยู่ ฝรั่งเศส มาหกปี เธอ สวย  เซ็กซี่ ออกแนวไฮโซ  เธอจบปริญาโทจากเมืองไทย และเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ ที่มีชื่อเสียงที่สุด
 เธอกำลังศึกษาต่อระดับปริญญาเอก แต่ตอนนั้นความรักของเธอกับหนุ่มฝรั่งเศสแฟนเก่าของเธอขาดสะบั้นลง เธอเลยต้องหยุดเรียนเอาไว้ก่อน และออกมาอยู่นอกบ้านคนเดียว
หลังจากนั้นเธอก็มี หนุ่มสเปน วัน  28 หล่อเหลา (ฉันเห็นในรูปแล้ว หล่อมาก ยังกะดาราฮอลลีวู๊ด) 
ส่งเสียเธอ แต่เธอบอกว่า เค้ารวยไม่พอที่จะเอื้ออำนวยความสะดวกสบายให้กับชีวิตของเธอได้ เธอจึงเก็บเค้าไว้เป็นซัพพอร์ตเตอร์ ดีกว่าไม่มีใครช่วยเหลือเธอยามตกยากเช่นนี้
  
แต่ตอนนี้เธอหลงเสน่ห์ หนุ่มชาวไร่คนนี้เรียบร้อย
“ชั้นจะทำให้เค้ารักชั้นให้ได้” วาพูดอย่างมั่นใจ   ฉันมองเพื่อนสาวอย่าง งงๆ เพราะใจนึกไปถึงหนุ่มสเปนคนนั้น แต่ก็ไม่ได้หลุดคำพูดใดๆ ออกมา


และวันต่อมาเราก็ออกไปเดินช็อปปิ้งซื้อของกินมาขังไว้ในตู้เย็น ไปที่คาร์ฟูร์ ใกล้บ้าน
ก็บังเอิญไปเจอเค้า  มิสเตอร์ ดีฟเนิฟ เค้ากำลังมองหา มูส์ เดอ ฟัวร์  (เป็นคล้ายตับเป็ดบด
 แต่ไม่ใช่ซะทีเดียว ถ้าเป็นตับเป็ดเลย เรียกว่า ฟัวร์การ์)
ฉันสะกิดวา ให้มองเค้า และพอวาเห็นเค้า เธอแทบจะวิ่งแจ้น แต่ก็รีบชะงักเพราะนึกได้  เธอก็เลยฉุดฉันให้เดินไปหยุดอยู่ได้ระยะหางตามองเห็น แล้วรอให้เค้าหันมามองพวกเราก่อน  เธอบอกเป็นกลยุทธ์ 

 แล้วเค้าก็หันมาจริงๆ  ฉันเห็นเธอมองเค้าด้วยแววตาตื่นเต้นมาก จ้องเค้าด้วยสายตาหวานซึ้ง  
แล้วเค้าก็เดินมา...
“เห็นมะว่าแล้ว...เค้าต้องเดินมาหาเรา” วาบอก..
 แล้วเค้าสองคน ก็ไปยืนคุยกัน ตรงโซน ไวน์ จนชั้นซื้อของได้ครบ เธอเดินกลับมาบอกว่า

“คืนนี้เค้าชวนไป นั่งดื่มที่บาร์ ตรงข้ามกับไปรษณีย์” ฉันยิ้ม  เห็นกลยุทธ์เธอแล้ว ขั้นเทพจริงๆ





     ตอนไปนั่งดื่ม พวกเราก็คุยกันอย่างสนุกสนาน  คุยเรื่องฟาร์มของเค้า  ที่ปลูกองุ่นส่งโรงงาน
ผลิตไวน์ ฉันพอเดาออกว่า ชาวไร่ที่นี่นั้น เทคโนโลยีเค้าล้ำหน้าจริงๆ

     เครื่องเก็บองุ่นเค้าเป็นรถ ใช้ขับ ที่ออกแบบเหมือนรถพ่วงมอร์เตอร์ไซด์ พ่อชั้นที่บ้านนอก
แต่มันไฮโซมาก เพราะมัน ยกสูงขึ้นเหมือนคนขายาวๆ ยกจนสูงกว่า แถวของต้นองุ่นนั่นแหละ
เพื่อขับค่อมเข้าไปที่แถวต้นองุ่น แล้วเครื่องก็จะเก็บเฉพาะผลองุ่น โดยที่ไม่เก็บใบ พอขับรถผ่านไป
ก็จะมองเห็นต้นองุ่นที่เหลือแต่ใบ.. มันสุดยอดมาก และห้องโดยสารคนขับก็เป็นห้องกระจกเหมือน
รถยนต์นี่แหละ



เรียกว่า อุปกรณ์การทำไร่ของคนที่นี่ ทันสมัย ไม่มีแรงงานคน เดินเก็บผงุ่นทีละพวงแน่ๆ  หรืออาจจะมีก็เป็นกรณีที่ต้องการ พิถีพิถันให้ผลองุ่น ยังคงรูปสวยๆ นั่นแหละ
มันน่าสนใจมากๆ สำหรับฉัน และฟังจากเค้าเล่า ซึ่ง ภาษาฝรั่งเศสของฉันอ่อนแอกว่า วา มากๆ นั่นทำให้ฉันได้แต่นั่งฟังเค้าสองคนคุยกัน อย่างสนุกสนานๆ นานๆ ฉันจะแซวว่า ให้ช่วยพูดภาษามนุษย์หน่อย ฉันไม่เข้าใจ

ก่อนกลับเค้าก็ชวนพวกเราไปเที่ยวฟาร์มเค้าพรุ่งนี้ แต่ฉันขอตัว ให้วาไปคนเดียว ตามแผนของเธอ ฉันคิดว่า เธอจะไม่พลาดที่จะทำให้หนุ่มคนนี้ หลงรักเธออย่างแน่นอน สาวไทยเก่งอยุ่แล้วเรื่องมีเสน่ห์ต้องตาต้องใจชายฝั่งยุโรป จนชื่อเสียงบรรลือโลกไปเรียบร้อยแล้ว เรื่องเสน่ห์แห่งสาวสยาม

และนี่วา ก็ไปอยู่โน่น ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ซึ่งแวะมาเอาแค่กระเป๋า อีกวันถัดมาแค่นั้นเอง....


เรื่องราวแบบนี้มันไม่แปลกอะไรเลย ในสายตาของฉัน เพราะชีวิตนี้เห็นหนุ่มต่างชาติ ที่ใฝ่ฝันอยากได้สาวไทย มาอยู่ข้างกาย และ ยังเห็นสาวไทยอีกมากที่ใฝ่ฝันอยากได้หนุ่มต่างชาติมาประดับบารมี

ส่วนจะด้วยเหตุผลอะไรนั้นก็คงต่างกันไป แต่ฝรั่งมีวิตามินซีสูง แน่นอน อิอิ

เชิญชวน ชมภาพใบไม้ร่วงที่ฝรั่งเศส ตอนแรก ทางนี้ค่ะ
http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/11/blog-post_10.html