11/22/2010

การขอ สติ๊กเกอร์วิเศษ จาก ofii

นี่คือสติ๊กเกอร์วิเศษ ที่จะเดินทางท่องยุโรปในเขตเชงเก้นได้ โดยไม่ง้อวีซ่าเชงเก้นจากเมืองไทย

 
     เมื่อมาถึงฝรั่งเศสแล้ว ฉันก็ส่ง เอกสารจากสถานทูตที่แนบมากับ พาสปอร์ตนั้น พร้อมทั้งสำเนาพาสปอร์ต หนึ่งใบ  ไปให้  ofii ส่งทางไปรษณีย์ โดยการลงทะเบียน พร้อมทั้ง สแกนเอกสารเก็บไว้อีกชุดหนึ่งด้วย

อีก สองวันถัดมาฉันก็ได้รับเอกสารจดหมายแจ้งเซ็นต์รับ ว่าเอกสารถึงที่หมายแล้ว  ตอนแรกฉันเข้าใจว่า เป็นเอกสารนัด ยังตกใจว่าทำใมเร็วจัง

รอไปอีก สองสัปดาห์ ฉันก็ได้รับ จดหมายให้ไป เอ็กซเรย์ พร้อมทั้ง ตรวจสุขภาพ พบแพทย์ของ โอฟฟี่ ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า
 (ของเคสดิฉัน ต้องไป ที่ ปัวติย์ (portiers)  เพราะดิฉันอยู่อองกูเล็ม ค่ะ )
นี่คือมุมตรงข้ามกับที่ไปเอ๊กซเรย์
 
ในใบนัด ให้ไปเอ็กซเรย์ตอน  11.30  และ พบแพทย์ ตอนช่วงบ่ายค่ะ คนละ ออฟฟิชกัน แต่ไม่ไกลกันมาก
สถานที่เอ็กซเรย์ของ ปัวร์ติย์


ช่วงเช้า ประมาณ  11 โมง ฉันก็ไปถึงสำนักงาน เรดิโอฯ ค่ะ และไปยื่นใบนัดที่หน้าเค้าเตอร์ค่ะ เค้าก็ ให้เข้าห้องตรวจเลย ไม่ต้องรอ
ห้องที่ให้เราถอดเสื้อ (เฉพาะส่วนบนนะคะ ไม่ต้องถอดส่วนล่าง)  สามารถเปิดประตูได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อที่จะเดินทะลุ ไปห้องเอ็กซเรย์นั่นเอง  (เจ้าหน้าที่ไม่มีพูดอักฤษค่ะ แม้แต่คำเดียว)
เจ้าหน้าที่จะส่งตัวเราไปห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ และเค้าจะกลับมาเรียกเรา เมื่อเค้าพร้อม
  
ในห้อง เป็นห้องเล็กๆ มีเก้าอี้เล็กๆ ด้านใน มีกระจกครึ่งตัวและมีที่แขวนเสื้อให้ค่ะ แต่ห้องเล็กมากๆ  และไม่มีเสื้อคลุมให้ค่ะ
ในสามนาทีเค้าก็มาเคาะประตูด้านหลัง ให้เราเดินตาม เข้าไปที่เครื่องเอ็กซเรย์ค่ะ  เดินราวๆ  ห้าเมตร เห็นจะได้  เขินมาก เพราะต้องเดินถอดเสื้อไป แต่ไม่มีใครค่ะ นอกจากเราและ เจ้าหน้าที่คุมเครื่องเอ็กซเรย์ที่เป็น ผู้หญิง
แล้วก็ไปยืนตรงแท่นเตี้ยๆ ค่ะ ให้เอาตัว แนบไปกับกระจกที่จะสแกนเรา  เจ้าหน้าที่จะให้ สัญญานค่ะ ว่า
หายใจเข้า
กลั้นหายใจ (แค่ สองสามอึดใจ)
หายใจออก
และ ให้เดินไปรอ ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เดิม โดยยังไม่ต้องสวมเสื้อนะคะ ให้รอ อีก สองนาที โดยที่เค้าจะเช็คว่า ฟิล์มเอ็กซเรย์ตะกี๊นี้ สมบูรณ์หรือเปล่า
แล้วเค้าก็ เดินมาบอกให้ใส่เสื้อได้ เพราะแผ่นฟิล์มเสร็จแล้ว  
และก็ให้เดินออกไปรอเรียกรับ เอกสารพร้อมแผ่นฟิล์มที่ใกล้ๆ กับ เค้าทเตอร์ค่ะ รอแป๊บเดียว จากขั้นตอนแรก จนถึงขั้นตอนสุดท้าย ใช้เวลาทั้งหมด  20 นาทีค่ะ
(เค้าเรียกฉัน เป็น มิสเตอร์ อีกตะหาก...เฮ้อ เซ็ง)

สำนักงาน โอฟฟี่ ของ ปัวร์ติย์ อยู่ชั้น สองค่ะ

จากไป สนง. ออฟฟี่ค่ะ ช่วงบ่าย ไปยื่นเอกสาร ตามคิวที่ไปก่อนไปหลังค่ะ ไม่ใช่ตามเวลานัด เลยได้คิวเกือบหลังๆ เพราะไปก่อนเวลานัด แค่ ยี่สิบนาที
ก็ไปยื่นเอกสารนัด ให้เจ้าหน้าที่ ที่เค้าท์เตอร์ค่ะ พร้อมแผ่นฟิล์ม เอ็กซเรย์
รอแค่ ห้านาที คุณหมอก็เดินออกมาเรียกให้เข้าห้องตรวจ ห้องแรกค่ะ 
คุณหมอให้เช็ค ว่า เอกสารที่มากับ แผ่นฟิล์มเอ็กซเรย์ นั้น ชื่อเรา วันเดือนปีเกิด ถูกต้องมั๊ย
และถามเรา นิดหน่อย เป็นภาษาฝรั่งเศส ว่า มาถึงเมื่อไหร่  สุขภาพแข็งแรงแค่ใหน  มีบุตรหรือไม่  กี่คน  อายุเท่าไหร่บ้าง  แล้วให้ไป ชั่งน้ำหนักค่ะ จากนั้นก็เช็ค สายตา ทีละด้าน แล้วอ่านอักษรที่คุณหมอ ชี้ให้ดู  เสร็จแล้วก็เช็คตาอีกด้าน เพื่อเช็คว่าเราสายตาปกติ หรือเปล่า

แล้วก็มานั่ง เจาะเลือดที่ปลายนิ้ว เพื่อตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือดค่ะ  (ไม่เจ็บเลย) 
โดยใช้ตัวจิ้มนิ้ว แบบกด จึ๊ก..เดียว.. แล้วนำตัววัดค่า ที่เหมือนปลายปากกา แต่มีกระดาษที่ปลายปากกา  มาซับตรงปลายนิ้ว... สัก ครึ่งนาทีได้ ได้เจ้าปากกาตัวนี้ก็ ร้อง ติ๊ดๆ  พร้อมบอกค่า น้ำตาในเลือด..  เจ๋ง แฮะ

แล้วก็เดินออกมาด้านนอก รอ  ร่วมกับผู้ติดตาม
สักประมาณ บ่ายโมงครึ่ง เค้าก็ต้อนเข้าห้อง วีดีโอ พร้อมผู้ติดตาม ให้ดูวีดีโอ ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับ  คำขวัญประเทศ นะคะ  ดูพร้อมกันกับคนอื่นๆ
จบแล้วก็นั่งรออยู่แบบนั้น  จนถึง บ่ายสี่โมงครึ่ง  คุณหมออีกคนก็มาเรียกให้เข้าห้องตรวจ
หมอไม่พูดอังกฤษนะคะ แม้เราจะบอกว่า พูดฝรั่งเศสไม่ได้ก็ตาม และไม่ยอมให้เรียกผู้ติดตามไปเข้าห้องตรวจอีกด้วย
ก็เรียกสอบถาม ประวัติ โรคประจำ ตรวจการเต้นหัวใจ เคาะท้องป๊อกๆ สองสามที แล้วก็ วัดความดัน
แค่นั้นแหละค่ะ
ไอ้ที่ให้นั่งรอ หลายๆ ชั่วโมงนี่ แค่ สามสี่คำถามแค่นั้นเอง แล้วก็เดินออกมา ยื่นแสตมป์ภาษี รูปถ่าย และเอกสาร ให้เค้าเตอร์  (ของฉัน  360 ยูโร ค่ะ)
คุณหมอคนหลังจะให้เอกสารเรามาหนึ่งใบ พร้อมลายเซ็นต์ ส่วนอีกใบ จะเขียนด้านล่างว่า ให้ เพเฟคจูร์ ค่ะ

และตรงที่เค้าท์เตอร์นี้แหละค่ะ ที่เค้าจะแปะสติ๊กเกอร์ สีเหลืองที่ด้านหลังวีซ่าระยะยาวของเรา พร้อม ประดับตรา ออฟฟี่ หนึ่งที ก่อนที่จะ ปิดด้วยพลาสติคใสๆ ลาย ออฟฟี่ ทับไปอีกที และแนะนำให้เราไปยื่น ขอ การ์ด เดอ เซ จูร์ ที่ เพเฟคจูร์ ใกล้บ้านเราได้เลย ไม่ต้องรอ โดยปกติ ให้รอจนถึง ก่อนหมดอายุสองเดือน แต่ของเราอีก ห้าเดือนถึงจะหมด แต่เจ้าหน้าที่ แนะนำให้ไปยื่นทิ้งไว้ก่อนเลย ไม่ต้องรอ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนรุ่นหลังๆ ค่ะ เพราะอย่างน้อย ก็มีดิฉันเป็นเคสแรก(มั๊ง)  ที่มาอยู่ฝรั่งเศสและได้ การ์ด เดอ เซ จูร์ แบบไม่ต้องจดทะเบียนแต่งงาน

ขอบคุณค่ะ
ลี

ปล. ไปถึง ออฟฟี่ ให้ยื่นเอกสารที่เค้าท์เตอร์ เพื่อตรวจสอบ ว่าขาดตกอะไรหรือเปล่า ก่อนที่จะไปนั่งรอ นะคะ
เพราะในวันที่ฉันไปนั้น มีเด็กหนุ่ม อังกฤษเป็นนักเรียนศาสนา (หล่อมากกกกกกกกกกกกกก หล่อซะจน อยากจะเขี่ยคนข้างๆ ให้ไปนั่งรอด้านนอก หุหุ)
เค้าก็มาพร้อมดิฉัน ที่เรดิโอฯ ตอนเช้า  ยัน รอที่ออฟฟี่ถึงห้าโมงเย็นนั่นแหละ  พอถึงคิวเรียกสัมภาษณ์ และตรวจเอกสาร ปรากฏว่า เอกสารเรื่องที่อยู่ไม่ครบ  โดยที่เค้าก็ยืนยันว่า ได้เช็คตาม รายละเอียดจากทางออฟฟี่ ที่ส่งไปทางไปรษณีย์แล้ว ว่าให้นำแค่เอกสารตามเช็คลิสมาแค่นั้น ไม่ได้เรียกเอกสารที่อยู่แต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่ออฟฟี่ ส่ายหน้า อย่างเดียว และยืนยันว่า จะออกใบนัดให้ใหม่และให้กลับมาในวันนัด ถัดไป

โห เข้มสุดๆ .... ไม่มีช่วยเหลือแม้แต่ประการใด ฮ่าๆ  ดีว่า ข้าพเจ้า เตรียมการไป ตั้งแต่ โฉนดที่ดิน สระว่ายน้ำ ยัน รถถัง เลยแหละ  กะว่า เรียกอะไรมา ก็งัดกันออกมา จะ จะ กันไปเลย

ดิฉันก็โดนเรียกดูประกันสุขภาพนะคะ ทั้งๆที่ไม่มีในลีส ที่ส่งให้เราทางไปรษณีย์
หมอเรียกดูว่ามีประกัน อะไรบ้าง ดิฉันก็โชว์ ประกันที่ทำมาจากเมืองไทยนั่นแหละ ให้เค้าดู เค้าก็ดูๆ ไปงั้นแหละ ยิ้มๆ และส่ายหน้าพูดอะไรไม่รู้ ฟังไม่ออก
แต่ก่อนออกจากบ้านมาสามีดิฉัน ได้ยืนยันว่า ไม่ต้องเอาเอกสารอะไรไป เอาตามในลิสที่เค้าขอมา ก็พอ.. ฉันไม่สนค่ะ เพราะมันไกล กว่าจะฝ่าสายหมอกไปถึง ตั้งสอง ชั่วโมงแน่ะ

อ้อ ปล. ที่สอง  คุณหมอ คนหลัง ให้ดิฉันไป ฉีด วัคซีน  DTP อีกค่ะ บอกว่าต้องฉีดทุกๆ สิบปี
พอเดินออกมาจากห้อง หมอก็ตามมาส่งเอกสาร ให้เค้าท์เตอร์ และเจอกับคุณสามี พร้อมบอกว่าต้องไปฉีด วัคซีนเพิ่มเติม  คุณสามีบอกว่าไม่ต้องฉีดหรอก โอเคแล้ว... คุณหมอที่ตรวจดิฉัน
ก็ เดก่อๆ (ตกลงๆ)   คงให้เกียรติอาเฮียมั๊ง เลยไม่จั้มจี้อะไร
แต่สังเกตุว่า คุณเจ้าหน้าที่ ที่กำลังจะแปะสติ๊กเกอร์ให้ดิฉัน ชะงักมือทันที ตอนที่คุณหมอ ผู้ตรวจบอกว่าให้ไปฉีดวัคซีนเพิ่ม...
นี่ถ้าอาเฮียไม่ได้เป็นหมอเหมือนกัน ยังสงสัยอยู่ว่า วันนี้ เค้าจะแปะสติ๊กเกอร์ให้ดิฉันหรือเปล่า
หรือต้องรอให้ดิฉันไปฉีดวัคซีนเพิ่ม แล้วกลับมาโชว์ตัวอีกรอบ ถึงจะแปะสติ๊กเกอร์ ก็มิอาจรู้ได้
ก็เล่าสู่กันฟังค่ะ เผื่อใครโดนแบบดิฉันไง จะได้หาทางหนีทีไล่เน๊อะ  จะได้ไม่เสียเวลาไปอีกรอบ(ที่ฝรั่งเศสนัด การนัดหมายเป็นเรื่องสำคัญ กว่าจะไปอีกรอบได้ก็ไม่รู้เมื่อไหร่ ต้องรอเค้านัดอีกที)

รอบหน้า แฉ... เรื่อง การขอการ์ดเดอร์ เซ เจร์ หรือ บัตรอยู่อาศัยถาวรของประเทศฝรั่งเศสค่ะ
.....................................................................................................................

ก่อนจะขอสติ๊กเกอร์ เชิญชวนดู การขอวีซ่าระยะยาวฝรั่งเศส ที่คลิก นะคะ

http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/11/visitor-tls-3-httpwww.html วีซ่าระยะยาว แบบ ท่องเที่ยว เยี่ยมญาติเยี่ยมแฟน ที่พำนักในฝรั่งเศส มากกว่า 90 วัน เชิญคลิกเลยค่ะ

http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/11/blog-post_22.html  วีซ่าระยะสั้นแบบ ท่องเที่ยว เยี่ยมญาติเยี่ยมแฟน ค่ะ

วิถีชีวิตที่ฝรั่งเศส  เชิญแวะชม ที่บล็อกแก๊งค์นะคะ
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=fromborabora&group=4  หลากหลายเรื่องราวของ ชีวิตที่ฝรั่งเศสค่ะ