เสียงที่กรีดร้องโหยหวนนั่น ทำเอาฉันขนลุกขนพอง ยิ่งเวลามืดสนิทแบบนี้ด้วย แต่ฉันก็ยังเกาะประตูโผล่หน้าอยู่ด้านหลังแม่เสี่ยวของแม่ฉัน ทั้งกลัวทั้งอยากเห็น
ตอนแรกฉันไม่รู้ว่าเค้าทำอะไรกับพี่นงคราญ แต่ยายอาม ที่ใช้มือกดท้องน้อยของพี่นงคราญ อย่างเอาเป็นเอาตายนั่นก็ไม่ผ่อนแต่อย่างใด
“เอายาให้มันกินอีกจักนอยแน่” ยายอามสั่งแม่พี่นงคราญ เสร็จแล้วก็กดท้องน้อยพี่นงคราญต่อไป เสียงกรีดร้องนั่นมันหลอน จนสยบเสียงทุกสรรพสิ่ง
แล้วพี่นงคราญก็กรีดดังขึ้นอีก... “ โอ๊ยยยยยยยยย พอแล้วๆ เจ็บหลายๆ”
แล้วเลือดก็ไหลออกมา พร้อมๆ กับเสียงคล้ายนกพิราบตีปีก ร้องเสียง ดัง “กรู กรู” ข้างนอกห้องครัวนั่น มันช่างเป็นเสียงดุจดั่งพญามัจจุราช โบยบินออกไป พร้อมชีวิตใครคนหนึ่ง...
ฉันยังจำได้ดีในวันนั้น... วันที่พี่นงคราญต้องให้ยายอาม มาหาก่อนค่ำมืดวันนั้น และฉันก็วิ่งตามแม่เสี่ยวของแม่ฉันไป ที่บ้านพี่นงคราญนั่น
ตัวพี่นงคราญมีลูกสาวคนหนึ่งนี่แหละ แต่ผัวแกไหลตายเมื่อปีกลาย ซึ่งในปีพ.ศ. นั้น ผู้ชายต่างพากันไหลตายกันทั้งบ้านทั้งเมือง และเชื่อกันว่า มีผีแม่หม่ายมาเอาไป และนั่นก็เชื่อกันว่า ผู้ชายทั้งหลายที่มีชีวิตอยู่ต้อง ทาเล็บมือสีแดง เล็บใดเล็บหนึ่ง เพื่อหลอกผีแม่หม่ายว่า คนที่ทาเล็บนั้นเป็นผู้หญิง เพื่อที่ผีจะได้ไม่มาเอาวิญญานไป... ดังนั้นผู้ชายทุกคนก็พากันทาเล็บแดงกันหมด... ยกเว้นตาสุข พ่อของฉัน!!!!! แกไม่เคยเชื่ออะไรแบบนั้นอยู่แล้วแหละ เห็นแม่ฉันบอกว่า ผีแม่หม่ายจะไม่มารับตาสุขไปหรอก เพราะแกบ่นเยอะ ผีรำคาญ ...สงสัยจะจริง
พอผัวตายได้ไม่นาน พี่นงคราญก็กลับมาเป็นสาวอีก ทาแป้งทาครีม... จนวันหนึ่งก็ได้รู้จักกับแขกต่างบ้านต่างเมือง ไอ้หนุ่มเมียเผลอ ที่มาขับรถไถ แล้วก็คงจะมีลูกด้วยกัน แล้วไอ้หนุ่มนั่นก็ชิ่งหนีตามระเบียบ จนพี่นงคราญต้องตามหมอตำแยมาทำแท้งค์
แล้วแกก็เข้ากรุงเทพฯ หายไป ร่วมครึ่งปีเพราะทนการดูถูกจากชาวบ้านไม่ไหว
กลับมาสงกรานต์ปีนี้ พี่นงคราญได้พาฝรั่งกลับมาด้วย
จนใครๆ ก็พูดถึง ว่าพี่นงคราญได้ผัวชาวสวีเดน
ฉันเห็นพี่นงคราญที่วัดพร้อมหนุ่มใหญ่ชาวสวีเดน ซึ่งทุกคนก็พากันไปทำบุญตอนเช้า ตามประเพณีปฏิบัติ
พี่นงคราญใส่เสื้อแดง เจิดจรัส แต่งหน้าทาปาก ใส่ทองเท่าโซ่ พูดจาเสียงดัง พอพระ ฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ญาติโยมก็ได้นั่งคุยกัน
พี่นงคราญเล่าว่า สามีสวีเดนของเธอ จะมาซื้อบ้าน ซื้อที่นาให้เธอ และตอนนี้ซื้อมอร์เตอร์ไซด์ใหม่ ให้ลูกใช้ และซื้อเงินสดด้วย
ใครๆ ก็รักพี่นงคราญ ณ ตอนนี้ ทั้งๆ ที่หกเดือนก่อน ต่างก็นินทา ว่ากล่าวสนุกปากเรื่องพี่นงคราญทำแท้งค์ลูกคนขับรถไถนั่น มีเงินใครก็รักก็โอ๋
มีทองใส่ มีเงินซื้อเหล้าเลี้ยงพี่น้องเพื่อนบ้าน โอ้อวด ยิ่งเป็นทำให้ สาวใหญ่สาวน้อยทั้งหลาย ต่างใฝ่ฝันอยากได้ผัวฝรั่งแบบพี่นงคราญบ้าง
พี่นงคราญบอกว่า เธอจะไปอยู่สวีเดนกับผัวเธอ
วันนั้น พี่นงคราญ มาถามพี่สาว ลูกแม่เสี่ยว ว่า อยากได้ผัวฝรั่งบ้างหรือเปล่า เธอขอค่านายหน้า แค่สองหมื่น ซึ่งเงินสองหมื่นสมัยนั้นมันเยอะมาก ซื้อที่นาได้หลายไร่เลยแหละ
แต่ก็มีสาวหลายคน ที่ยอมจ่ายสองหมื่น เพียงเพื่อ จะได้ชีวิตใหม่ เหมือนพี่นงคราญ
จากนั้นอีกสองเดือน ก็มีสาวเลิกผัว เดินทางไปสวีเดน ตามคำกล่าวอ้างจากพี่นงคราญและรับเงินค่านายหน้าไปแล้ว ก็คือพี่ติ๋มกับ พี่นอม สองคน เดินทางไป สวีเดนพร้อมกัน
เป็นที่ร่ำลือว่า พี่ติ๋มกับพี่นอมได้ผัว ฝรั่งร่ำรวยแบบเดียวกับพี่นงคราญ เพราะหลังจากไปแล้ว ได้ส่งเงินกลับมาให้พ่อแม่ ที่เลี้ยงหลานรออยู่ที่บ้าน ได้เงินมาทำบ้าน ซื้อที่ซื้อนา เรียกว่า ลืมตาอ้างปากกันได้ ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
และเดือนนั้น อีอ้อย เพื่อนฉันคนหนึ่ง มันก็พาผัวชาวเยอรมัน กลับมาบ้าน แต่ฝรั่งคนนี้ไม่ได้รวย ไม่ได้มาจ่ายเงินกินเหล้าเหมือนกับที่พี่นงคราญทำ แถมใครคุยกับเมียก็ไม่ได้ รีบจูงมือเมียเดินกลับบ้าน ทำให้ชาวบ้านร้านช่องต่างนินทา ว่าเป็นฝรั่งขี้นก สร้างความอับอายให้อีอ้อยเป็นที่สุด
บางคนก็ด่าต่อหน้า ว่า จะหาผัวฝรั่งทั้งทีมึงก็เอาฝรั่งขี้นกมาน๊อะ ทำใมไม่เอาที่มันรวยๆ หน่อย เหมือนคนอื่นๆ เค้า
หลายครั้งที่อีอ้อย ต้องเดินร้องไห้กลับบ้าน...
จากนั้นอีกหลายเดือน มีก็ผู้หญิงทยอย เดินทางไปสวีเดน ผลัดเปลี่ยนกันกับ พี่ติ๋มพี่นอม ที่ต้องกลับมาก่อนเพราะวีซ่าหมดอายุ
พอกลับมาทีก็สร้างความแตกตื่นให้ชาวบ้าน โอ้อวดความรวย ต่างๆ นาๆ ยิ่งเห็นอีอ้อยก็ยิ่งดูถูกเหยียดหยาม
(ขอต่อพรุ่งนี้นะคะ )
(จากตอนที่แล้ว)
กลายเป็นว่า อีอ้อย เดี๋ยวนี้ไม่กล้าออกบ้านไปนั่งบ้านใคร เพราะไม่มีทองหยองโอบตัวไปใหนมาใหนแบบเมียฝรั่งคนอื่น แถมยังต้องกลับมาทำนางกๆ ผัวฝรั่งของเธอก็ต้องทำนาด้วยกันนั่นแหละ จะมาก็แค่บ้านฉัน กับบ้านแม่เสี่ยวของแม่ฉันนั่นแหละ เพราะเธอต้องมาซื้อปลาทู ซื้ออาหารบ้านฉัน และถามหาฉันทุกครั้ง แม่ก็จะเล่าให้ฟัง ในช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ฉันกลับมาบ้าน
แม่บอกว่าสงสารเธอมาก ก็ไม่รู้ว่าชาวบ้านจะดูถูกเธอทำใมเพราะคนอื่นก็ทำนาเหมือนๆกัน
และแม่เสี่ยวเพื่อนแม่ฉัน ได้ส่งงานเย็บผ้าโหลที่รับมาจากกรุงเทพฯ ให้อีอ้อยไปนั่งเย็บแล้วเอากลับมาส่ง พร้อมให้ยืมจักรไปด้วยหลังนึง
หลังเกี่ยวข้าวในปีนั้น พี่ติ๋มต้องกลับไปสวีเดนอีก พร้อมกับเพื่อนสาวๆ อีก สองสามคน คนหนึ่งเป็นหลานของพี่นงคราญ อายุสิบแปด พี่นงคราญอยากให้ไปอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวเธอที่กำลังจะคลอด
แต่พี่นอม ยังไม่ตามไป...ก็จะตามได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้เนื้อหอม หนุ่มน้อยใหญ่ต่างก็ตบเท้าเข้าบ้านเธอหัวกระไดไม่แห้ง เห็นแว่วๆ ว่า ไปติดพันหนุ่มลูกจ้าง อบต.รุ่นน้อง ที่ชาวบ้านนินทาว่าขับกะบะ เทียวรับเทียวส่งหนุ่มลูกจ้างรายนั้น ส่งข้าวส่งน้ำ อาหารคาวหวาน ทั้ง มื้อเที่ยงมื้อเย็น... ต่อหน้าก็ไม่มีใครว่ากล่าว ได้ดียิ้มคุยกับพี่นอม หวานป้อกันไป ก็เมียฝรั่งมันมีเงินนี่
พี่นอมเองก็ไม่แคร์สื่อ ถือว่าเป็นเมียฝรั่งจะโป๊จะเปลือย ก็ไม่สน ทั้งๆ ที่ก็ไปเป็นเมียฝรั่งแค่สามเดือน ตอนนี้ก็นั่งชูคอ ขับกะบะอวดชาวบ้านร่อนไปร่อนมา
หลายเดือนผ่านไป ได้ข่าวว่า หลานพี่นงคราญ ดันไปเป็นเมียผัวแก่ของพี่นงคราญซะงั้น
แถมพี่นงคราญก็แท้งอีก เลยไม่มีลูก แต่จะส่งหลานสาวกลับก็ไม่ได้ เพราะผัวถูกอกถูกใจเมียเด็กเข้าให้ซะแล้วสิ เล่นเอาพี่นงคราญจุกอก ได้แต่โทรมาด่าน้าสาวตัวเองที่ไม่บอกไม่สอนลูก ด่ากันไปด่ากันมาจน น้องแม่ เข้าหน้ากันไม่ติด กลายเป็นปรางห้ามญาติกันไป เป็นที่นินทาสนุกสนานของชาวบ้าน
ส่วนพี่นอม ก็เริ่มเงินหมดเพราะเอาไปปนเปรอผัวเด็กนั่น แถมเด็กนั่นมันไม่มาทำงานอยู่หนึ่งอาทิตย์
พี่นอมก็ไปตามทุกวัน จนรู้ความจริงว่า มันได้หมดสัญญาจ้างงานกับทาง อบต. แล้ว มันเลยกลับบ้านจังหวัดอื่น แถมมันได้กลับบ้านพร้อมรถใหม่ ของขวัญจากพี่นอมนั่นแหละ หายจ้อยไปทั้งรถทั้งคน เงินก็หมด พี่นอมเลยต้องการจะไปสวีเดนอีกรอบ เพื่อไปอยู่กับผัวฝรั่งทางโน้น
แต่กลับกลายเป็นว่า สาวหนึ่งในนั้นที่เดินทางไปพร้อมพี่ติ๋ม ได้เก็บผัวพี่นอม เช็คบิลไปแล้วเรียบร้อย พี่นอมตามไปด่า พ่อแม่ของสาวนั่นจนเรียกตำรวจตำรามาห้ามศึกกันเลยทีเดียว
มันเป็นเรื่องสนุกสนานของชาวบ้านในสังคมเมียฝรั่งอำเภอนั้น พี่นอมเมื่อหมดเงินก็อยู่ไม่ได้ จะไปสวีเดนก็ไม่มีวีซ่า พี่นงคราญก็ช่วยไม่ได้เพราะผัวแก่ไปหลงเด็กที่ตัวเองส่งไปให้ถึงปาก ถึงว่าตอนที่พี่นงคราญเอ่ยปากอยากได้หลานสาวมาอยู่ด้วย ผัวแก่มันรีบอนุมัติทันที นึกว่ามันรักเมียอยากได้พี่เลี้ยงลูกซะอีก ที่ใหนได้...
พี่นอมเลยไปทำงานที่พัทยา หายต๋อมไปสองสามปีเลยทีเดียว จะส่งก็เงินเล็กๆ น้อยๆให้พ่อแม่ใช้เท่านั้นเอง จากบ้านที่มีคนเข้าออกตลอดเวลา เดี๋ยวนี้ กลายเป็นบ้านเงียบเชียบ มีแต่คนแก่กับเด็กอยู่กันตามประสา
จะเดินไปใหนมาใหนก็อับอายยิ่งกว่าสมัยก่อนที่ลูกสาวจะไปได้ผัวฝรั่ง ซะอีก เพราะตัวคุณนายแม่เองก็ร้ายใช่ย่อย เคยเชิดชูคอที่มีโซ่ทอง อวดชาวบ้านคอแทบหัก เดี๋ยวนี้แม้แต่ไปวัดก็ไม่อยากจะเข้า คงจะเริ่มเห็นอกเห็นใจอีอ้อยก็คราวนี้ล่ะหว้า... เมื่อก่อนดูถูกมันดีนัก
อีกปีถัดมา พี่นงคราญกลับมาบ้าน พร้อมเรื่องเศร้าๆ เพราะผัวแกดันส่งหลานเมียเรียนภาษาซะงั้น
แต่ปล่อยเมียให้กลับบ้านคนเดียว หลายคนก็ถามว่าทำใมปล่อยผัวตัวเองไว้แบบนั้น เธอก็ไม่กล้าบอกใคร มาอยู่ได้ แค่ ห้าหกวัน พี่นงคราญก็นั่งรถไปและบอกทุกคนว่า จะกลับไปสวีเดนอีก
อีกสี่เดือนผ่านไป พี่ติ๋มก็กลับมา พร้อมหนึ่งสาวที่ไปด้วยกัน ส่วนอีกหนึ่งสาว ได้แต่งงานแต่งการไปกับผัวเก่าพี่นอมไปแล้วเรียบร้อยโรงเรียนจีน
พอพี่ติ๋มกลับมา ถึงได้รู้ว่า พี่นงคราญถูกผัวแก่เฉดหัวออกจากบ้าน เหลือเพียงเมียเด็กอายุกำลังจะยี่สิบนั่น และตอนนี้พี่นงคราญก็ไม่ได้กลับไปสวีเดนแต่อย่างใด
แต่เธอไปทำงานที่บาร์แถวพัทยาโน่น...
มันช่างเป็นเรื่องขบขัน พอเงินมาวาสนาก็มา พอเงินไปวาสนาก็ขึ้นรถตามไปซะอย่างงั้น
คงอยากรู้เรื่องอีอ้อยสินะ... ตอนนี้เธอกลายเป็นเถ้าแก่เย็บจักรส่งผ้าโหลให้แม่เสี่ยวแล้วเรียบร้อย และมีเด็กสาวลูกจ้างอีกสองสามรายมาช่วยงานเธอ แต่ก็ยังทำนากันเหมือนเดิม
แต่สามีเธอชาวอังกฤษ จากที่มีประสบการณ์การทำนามาหนึ่งปีกว่า ทำให้เค้า ได้เลี้ยงไก่เลี้ยงปลาทำไร่นาสวนผสมควบคู่ไปกับการเย็บจักรส่งผ้าโหลกับเมีย ก็พออยู่พอกินกันไป แม้จะไม่ได้ร่ำรวยแต่เธอก็อยู่อย่างสบาย จะกลับบ้านที่อังกฤษก็แค่เยี่ยมพ่อแม่ที่แก่เถ้าของสามีแค่นั้น และเธอต้องกินอยู่ประหยัดเหมือนเดิม แม้จะไม่มีลูกก็เถอะ เพราะเธอต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับอังกฤษ ประกอบกับเงินสามีหลังเกษียณมันไม่ได้มากมาย พอที่จะนำมาสุรุ่ยสุร่ายได้
นานๆ ฉันจะกลับบ้านทีหนึ่ง เพราะมีงานที่ต้องทำช่วงเสาร์อาทิตย์ ก็เป็นงานที่ต้องทำร่วมกับพี่ทรายนั่นแหละ แต่เรื่องของเมียฝรั่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะยุคใหนสมัยใหนฉันก็ได้ยินได้ฟัง ไม่ค่อยต่างไปจากนี้เท่าไหร่นักหรอก เมื่อมีเงินมาง่ายมันก็ไปง่าย กว่าจะรู้สึกตัวว่าทำผิดพลาดอะไร มันก็สายไปแล้วสำหรับบางคน
ดูอย่าง พี่นงคราญสิ หลายปีผ่านไปเธอก็ยังไม่ได้กลับไปบ้าน อาจเป็นว่ายังหาผัวไม่ได้เป็นตัวเป็นตน นอกจากไปอยู่เป็นเมียเช่า บางครั้งบางคราว มีแต่พ่อแม่ ที่นั่งรถไปหาเธอที่พัทยา
จนกระทั่งในปีหนึ่ง คนแก่สองคนก็กลับมาขายบ้านขายนา แล้วไปอยู่กับลูกสาวที่พัทยา และไปขายส้มตำที่โน่น และไม่เคยกลับไปเหยียบบ้านเกิดที่นั่นอีกเลย กับน้าสาวก็ไม่คุยกันนับตั้งแต่ มีเรื่องแย่งผัวแก่ของพี่นงคราญไป... เรื่องของเงินมันทำให้อะไรๆ ก็ปิดตาบังตาไปหมด และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งบทเรียนของเมียฝรั่งรุ่นหลังๆ ที่ต้องระวังตัวระวังใจไม่เผลอไผล..พลายพลั้งดั่งเรื่องราวอุทาหรณ์จากรุ่นพี่ที่เคยเกิดมาแล้วนั่นแล
....................................................................................................................................
ทำบล็อกให้เป็นเงินจาก โฆษณาของกูเกิ้ล ตามลิ้งค์ไปจ้า
http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/12/blog-post_14.html
....................................................................................................................................
ทำบล็อกให้เป็นเงินจาก โฆษณาของกูเกิ้ล ตามลิ้งค์ไปจ้า
http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/12/blog-post_14.html