ก่อนอื่น คุณต่างชาติท่านนั้น ต้องไปขอวีซ่า เข้า Laos ก่อนนะคะ สำหรับฉันไปขอที่ขอนแก่นค่ะ (จริงๆ แล้วจะไปขอที่ กงสุลลาวที่ กทม ก็ได้ค่ะ แต่ฉันไม่สะดวก และ จะไปขอที่ ด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคายก็ได้เช่นกันค่ะ )
ฉันเดินทางไปถึงขอนแก่นก่อนเที่ยงค่ะ และรอให้กงสุลเปิด เกือบๆ บ่ายโมงครึ่ง ไปเอาแบบฟอร์มในกงสุลมานั่งกรอกรอค่ะ
พอเจ้าหน้าที่มา ฉันก็บอกเจ้าหน้าที่ว่า ขอแบบด่วนค่ะ (จ่ายเพิ่มอีกหนึ่งร้อย) เป็น 1,700 เจ็ดร้อย (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ)
ในวันนั้น มีชาว ปากีสถานมาขอวีซ่าเข้าลาว อีก สองคน แต่ค่าขอวีซ่า ต้องจ่ายไม่เท่ากัน ก็ไม่ทราบว่าทำใม..แต่ดูจากประกาศที่แปะไว้ ในแต่ละประเทศจ่ายไม่เท่ากันจริงๆ
และภายใน ยี่สิบนาทีก็ได้วีซ่าเข้าลาวค่ะ ฉันต้องรีบบึ่งกลับไปที่ขนส่ง เพื่อที่จะขึ้นรถ ขอนแก่น – เวียงจันทร์
ซึ่งมีรอบ เช้า และ รอบบ่าย อ้อ สำหรับคนไทย ไม่ต้องขอวีซ่าเข้าลาวนะคะ ใช้แค่ พาสปอร์ต ค่ะ ถ้าไม่มี พาสปอร์ต เค้าไม่ออกตั๋วให้นะคะ เค้าจะให้ไปทำ บัตรผ่านแดนมาก่อน (คนขายตั๋วเค้าจะบอกว่าอยู่ตรงใหน )
เมื่อได้ตั๋วแล้วก็ รอสักครู่ รถปรับอากาศ ก็ออกจากขนส่งขอนแก่น และระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่เค้าจะมาแจก บอร์ดดิ้งการ์ด ขาเข้าประเทศลาว และขาออกประเทศลาว ให้ฉันกรอก
เมื่อมาถึงหนองคาย รถจะจอดให้ทุกคนลงไป ต่อคิว สแต้มป์พาสปอร์ตฉันเห็นทุกคนรีบลงโดยด่วน และไม่มีใครลากกระเป๋าลงไป ถือเพียงสิ่งสำคัญไปเท่านั้น ระหว่าที่รอคิวฉันก็สังเกตุว่า รถไปจอดรออยู่ตรงใหน เพราะกลัวหาไม่เจอ
เมื่อฉันผ่าน ตม ขาออกไทยแล้ว ก็จะนั่งรถต่อไปอีก สิบนาที ก็จะถึง ตม ของประเทศลาวค่ะ ฉัน ก็ลงไป ต่อคิว เหมือนตะกี๊ (ตามๆ เค้าไป) ตรงนี้ก็จะได้ใช้ บัตรที่เค้าแจกให้กรอกบนรถ น่ะค่ะ เสร็จแล้วฉันก็รีบ จ้ำกลับมาขึ้นรถ โดยด่วนเพราะทุกคนก็รีบเช่นกัน.. ฉันเลยต้องทำตาม
(สำหรับต่างชาติ และคนไทยที่ไม่มีพาสปอร์ต ให้มาดำเนินการตรง ตรวจคนเข้าเมืองหนองคายก่อนออกนอกประเทศไทย ได้ค่ะ แต่ต้องบอกให้รถเค้ารอนะคะ ไม่งั้นเค้าจะไม่รู้ เพราะเค้านับจำนวนคนเดี๋ยวเค้าตกใจ ว่าทำใมไปนานจัง)
เสร็จแล้วกลับมาขึ้นรถต่อ เพื่อไปเวียงจันทร์ค่ะ อีก หนึ่งชั่วโมง ไปถึงขนส่งก็มืดประมาณ สองทุ่ม ฉันก็ไปชะโงกดูเที่ยวรถขากลับว่ามีกี่โมงบ้าง ตรงช่องขายตั๋วน่ะค่ะ ระหว่างที่จะลงรถนั้น จะมีสามล้อมาล้อมหน้าล้อมหลังค่ะ ฉันรีบบอกไปเลยว่า ไปโรงแรมริมโขง ราคาเคยนั่ง หกสิบบาท ไปได้ใหม แต่ก็ไม่มีใครไป เพราะเค้าขอ 150 บาท ฉันบอกไม่ไปหรอก แล้วเดินออกมานอกขนส่ง ซึ่งก็จะมีสามล้อมาถามเป็นระยะ แล้วก็จะตกลงในราคาของฉันนั่นแหละ เพราะเค้าจะบอกกันเองว่า ฉันต้องการไปใหน และราคาหกสิบบาท(ต่อสองคนนะคะ ให้ระบุให้ชัดเจนด้วย)
ตุ๊กๆคันใหนไปได้ ก็จะขับรถมา และขอเพิ่มจากราคาฉัน อีก สิบบาท ยี่สิบบาท ฉันก็โอเค
โรงแรมที่เวียงจันทร์ ตรงแถวๆ ริมของ (ริมแม่น้ำโขง) มีเยอะค่ะ ถ้าตุ๊กๆแนะนำไปเค้าจะได้ค่านายหน้า ถ้าไม่เหนื่อยก็ให้เค้าพาหา สัก สองสามโรงแรมค่ะ เค้าจะยินดีมาก เพราะได้ค่านายหน้าเพิ่มอีก
ราคาก็มีตั้งแต่ 350-2,000 ค่ะ แต่ถ้าเกรดกลางๆ ก็มี ห้าร้อย หรือ หกร้อยค่ะ สามารถ ต่อรองราคาโรงแรมที่เวียงจันทร์ได้ เพราะไปวันธรรมดา
เมื่อได้ที่พักแล้ว ฉันก็เตรียมตัวออกไปทานข้าวริมของ แล้วก็กลับมานอน เพราะพรุ่งนี้ฉันนัดกับคนขับสามล้อให้พาไป กงสุลไทย และ เหมาเค้าทั้งวันไปเที่ยวต่อ เค้าคิด 150 ต่อสองคนค่ะ
รุ่งขึ้นเค้าก็มารับตอน เจ็ดโมงเช้าค่ะ ตรงเวลามาก ไปถึงก็ไปต่อคิวหน้ากงสุล ตั้งแต่เจ็ดโมงกันเลยทีเดียว เพราะคนเยอะมาก อีกทั้งร้อนมากด้วยค่ะ (เตรียมร่มหรือหมวก) ระหว่างนั้นจะมีคนมายื่นแบบฟอร์มให้ และกรอกให้ (ต้องจ่ายร้อยบาท ไม่ต้องเอานะคะ ให้ไปหยิบฟรีข้างใน)
กงสุลเปิด ตอน 9 โมง พอประตูเปิดก็มีพวกที่ไม่อยากต่อคิว กรูกันเข้าไป รวมทั้งคนที่มาถามกรอกแบบฟอร์มตะกี๊นี้ค่ะ เพราะมีหลายคนว่าจ้างเค้าให้ไปรับบัตรคิวให้ แต่เจ้าตัวต้องไปยื่นเอกสารเองนะ ค่าว่าจ้าง 100 บาทค่ะ รวมค่าไปรับวีซ่าให้เราด้วยในวันรุ่งขึ้น (ถ้าไม่แคร์สื่อ ก็จ้างเค้าไปค่ะ)
ฉันนั่งรอ อยู่ประมาณ สองชั่วโมงค่ะ มีเวลากรอกแบบฟอร์มถมเถ สามารถไปหยิบได้ตรงหน้าเค้าเตอร์ที่เรียกคิว
(ไปขอวีซ่าท่องเที่ยวไทย ครั้งแรก ฟรี ครั้งที่สอง ต้องจ่าย หนึ่งพันบาท เจ้าหน้าที่แจ้งว่า หมดช่วงโปรโมชั่นแล้วเลยไม่ฟรี)
เสร็จแล้วฉันก็ได้ใบนัดให้กลับมารับวีซ่า ในวันรุ่งขึ้นตอนบ่าย ก็เลยออกไปตระเวณเที่ยว ซึ่งสามล้อรออยู่แล้ว..
ในการเที่ยวลาวนี้ หลักๆ ก็จะมี
ประตูชัย
วัดหลวง
วัดสระเกษ
และ อีกที่หนึ่งตรงใกล้กับวัดสระเกษ แต่ฉันไม่ได้ไปเพราะรู้สึกเหนื่อยเนื่องจากนอนไม่พอด้วยแหละ เลือกที่จะกลับมานอนพักดีกว่า
ตื่นมาก็ไปหาไรกินริมของ ขอบอกว่า เบียร์ลาวอร่อยมาก (สมคำร่ำลือ) และตรงริมของมีตลาดไนท์ด้วย มีสินค้าพื้นเมือง
มีเสื้อผ้า อะไรหลายๆ อย่าง ฉันได้โคมไฟกระดาษมาหนึ่งคู่ สวยดี ฉันชอบมาก
แล้วไปนั่งจิบเบียร์ลาวต่อที่ บาร์ (ชื่อกำปั่น) อยุ่บนชั้นสาม เพราะว่าที่นี่ มี wifi ฟรีด้วย ที่ผับนี้ อาหารอร่อยนะ เป็นสถานที่สำหรับต่างชาติโดยเฉพาะ มีโต๊ะพูให้เล่นด้วย ฉันชอบที่นี่นะ เพราะเห็นวิวแม่น้ำโขง มองเห็นฝั่งไทย และได้ดูพระอาทิตย์ตกด้วย
ริมแม่น้ำโขง
วันรุ่งขึ้น ตอนเช้าฉันออกมาเดินริมโขง ค่อนข้างเงียบ แต่ก็ได้อีกบรรยากาศหนึ่ง ฉันชอบประเทศลาวนะ ทั้งวัฒนธรรม วัดสวย มาเที่ยวลาว จะได้รับการบริการที่ประทับใจมาก ผู้คนให้การบริการที่ดี ยิ้มแย้ม อาหารอร่อย (ต้องเลือกนิดนะเรื่องความสะอาด)
เมื่อถึงเวลาก็ไปรับวีซ่า และอยู่เที่ยวต่ออีกหลายวัน... ฉันประทับใจลาวมากกว่าการทั่วฝั่งยุโรป แม้สถาปัตยกรรมจะสู้ยุโรปไม่ได้ แต่ประเทศลาว ยังคงความเป็นวัฒนธรรม เช่น สาวๆ ใส่ผ้าซิ่น ดูน่ารักดี และมีสไตล์
ที่ลาว ของถูก (ต้องต่อราคาด้วยนะ) หลายๆ คนขบขันที่ฉันบอกว่า ฉันชอบเวียงจันทร์มากกว่าปารีส... อื้ม... ก็ต้องลองไปสัมผัสดู แล้วไปเปรียบเทียบเอง...ก่อนไปขอแรงใจ จุ๊บป้ายขายยาให้หน่อยนะจ๊ะ บล็อกนี้มีรายได้จากป้ายค้า..ขอบคุณอีหลี เด้อ
วีซ่า ฝรั่งเศส
http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/11/blog-post_22.html วีซ่าระยะสั้น เยี่ยมญาติ เยี่ยมแฟน หรือ ท่องเที่ยว
http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/11/visitor-tls-3-httpwww.html วีซ่าระยะยาว สำหรับอยู่ ลอง สเตย์ (เกินกว่า 90 วัน ขึ้นไป ค่ะ)
http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/11/travel-malaysiakuala-lumpur.html เที่ยวกัวลาลัมเปอร์ และการขอวีซ่าเข้าไทย ของ นักท่องเที่ยวต่างชาติค่ะ
วีซ่า ฝรั่งเศส
http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/11/blog-post_22.html วีซ่าระยะสั้น เยี่ยมญาติ เยี่ยมแฟน หรือ ท่องเที่ยว
http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/11/visitor-tls-3-httpwww.html วีซ่าระยะยาว สำหรับอยู่ ลอง สเตย์ (เกินกว่า 90 วัน ขึ้นไป ค่ะ)
http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/11/travel-malaysiakuala-lumpur.html เที่ยวกัวลาลัมเปอร์ และการขอวีซ่าเข้าไทย ของ นักท่องเที่ยวต่างชาติค่ะ