1/21/2011

เมื่อลูกของฉัน..ไม่มีพ่อ ตอน 3 (คลอดลูก...อนาถา)

     เมื่อฉันเปลี่ยนเตียงไปนอน เตียงขึ้นขาหยั่ง.. พยาบาลชุดเขียว ก็บอกว่า อย่าเบ่งนะ ให้รอหมอก่อน
เค้าปิดปากปิดจมูก คลุมผม มองเห็นแต่ดวงตา และมือที่ใส่ถุงมือยางนั่น  เอื้อมมาจับมือฉันไว้
และหมอก็มา แล้วหมอก็บอกให้เบ่ง ซึ่งคุณหมอจะพูดกับฉันตลอดเวลา หายใจเข้า เอ้า อื้ดดดด
พยาบาลก็จะมาช่วยเบ่ง ที่ข้างเตียง
“เจ็บนิดนึงนะ หมอจะฉีดยา  จะไม่ได้ไม่เจ็บที่แผล” หมอส่งเสียง
ฉันรู้สึกว่า ที่หว่างขา ตรงเชิงกรานนั้น ลูกได้เคลื่อนมาปิด และ ลมเบ่งจะมีมาเป็นระยะ
เมื่อได้จังหวะ หมอก็จะบอกให้เบ่ง
“อ่ะ ลูกมาแล้วนะสาวน้อย ตอนนี้หมอจะช่วย เปิดแผลนะ” ฉันรู้สึกว่า เนื้อบริเวณนั้น ถูกกรีดด้วยมีด ดัง คลื้ดๆ
แต่ไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย เพราะหมอได้ ฉีดยาชาไปก่อนหน้านี้แล้ว
“อ้าว เบ่ง อื้ดดด” หมอสั่ง ฉันก็ทำตาม
“เดี๋ยวหมอจะช่วยให้หัวลูกออกมาก่อนนะ “ ฉันรู้สึกว่าหมอใส่ อะไรบางอย่างเข้ามา ที่บริเวณหัวลูก  (เป็นครีมคีบที่หัวลูก)
“เอ้า เบ่ง อื๊ด”   “หัวออกมาแล้วนะ พักก่อน ตอนนี้ติดไหล่ลูกนะ เอา เบ่งอีกทีหนึ่ง อื๊ดดด”
ฉันทำตามอย่างว่าง่าย เพราะ มันเจ็บจากการที่มดลูกบีบตัว นั่นเอง เหงื่อจากใหนมากมายไม่รู้ แต่พยาบาล คอยเช็ดให้ตลอดเวลา
สุดท้ายฉันก็เบ่งให้ไหล่ลูกหลุดออกมา และ “พรวด” ออกมาอย่างง่ายด่าย ฉันรู้สึกตัวถึง ร่างกายน้อยๆ เคลื่อนตัวผ่าน ออกไป
หมอยกลูกให้ฉันดู ฉันยกหัวดูลูกชายของฉันที่ครบสามสิบสองประการ และมีคราบเลือดติดอยู่ ผมลูกดำขลับ
“ให้ผู้ช่วยหมอไปทำความสะอาดก่อนนะ ตอนนี้หมอจะเย็บแผลให้ก่อน”  ฉันพยักหน้าเพราะ หมดเรี่ยวแรงจะตอบใดๆ
และรู้สึกได้ถึงการเย็บแผลที่ ดึงๆ ไหมเป็นระยะ ไม่เจ็บแต่ก็รู้สึกตัวทุกประการ และหมอก็พูดคุยด้วยตลอดเวลา ว่าหมอกำลังทำอะไรอยู่
ฉันได้ยินเสียงลูกร้องจ๊ากกก แว๊วววววว   แว๊ววววววว  เค้าจะร้องไม่เหมือนเด็กคนอื่นในนาทีแรกเกิด ฉันได้ยินแล้วยิ้ม
กับตัว เพราะเสียงลูกไม่เหมือนเสียงหนูน้อยที่พึ่งเกิดก่อนหน้านี้ไม่ถึง ยี่สิบนาที
และเมื่อหมอทำแผลเสร็จแล้ว ฉันก็เคลื่อนตัวมานอนที่เตียงเข็น พร้อมลุกน้อย ที่ถูกห่อด้วยผ้าอ้อมของโรงพยาบาล ที่ตอนนี้พยาบาล ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว  และนำมาวางไว้ที่ หน้าอกและ บอกฉันว่า ให้ลูกดูดนมนะ จะได้กระตุ้นให้น้ำนมไหลออกมา
แล้วพยาบาลก็ขยับตัวลูกให้ปากน้อยๆ นั้นใกล้ๆ กับหัวนม และบอกให้ฉันประคองลูกไว้แบบนั้นเพราะให้ลูกได้ดูดนม
นาทีนั้นฉันลืมทุกอย่างในโลก นอกจากเด็กตัวน้อยๆ ในอ้อมแขน ที่นอนอยู่บนอกและพยายามอ้าปากด้วยสัญชาตญานของสัตว์ ที่ต้องอ้าปากเพื่อกินอาหาร ดูแล้วน่ารัก เหลือเกิน และฉันก็จะไม่มีทางลืมภาพนั้นได้เลย ตลอดชีวิต
ตลอดสามวันที่ฉันคลอดนั้น และได้พักฟื้นในห้องรวม
ผู้หญิงข้างเตียงฉันนั้นซึ่งเธอก็มาคลอดเช่นกัน  ญาติเธอเยอะมาก ทั้งฝั่งเธอ และฝั่งสามี ต่างพากันมาแสดงความยินดีไม่หยุดหย่อน
ในขณะที่ฉันไม่มีญาติเลย ไม่มีเลยสักคน  พี่นัตเองก็มาแค่ วันละ ชั่วโมงเดียว ก็รีบไป เพราะเหนื่อยที่จะต้องยืนๆ นั่งๆ มาอุ้มลูกแป๊บเดียว
ฉันน้ำตาตกมาก ยิ่งเห็น หญิงสาวข้างเตียง ที่อบอุ่นไปด้วยญาติของเธอ ต่างพูดคุยกันสนุกสนาน แต่ฉันกลับนอนน้ำตาไหลริน จนต้องรีบหันหลังให้เธอ
ความรู้สึกตรงนี้ ที่ฉันนอนกอดลูก มันเป็นความเศร้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา..
และวันสุดท้ายที่อยู่โรงพยาบาล เมียพี่นัตกับพี่นัตก็มาเยี่ยมฉัน...
ฉันถามพี่นัตว่า พาเมียมาด้วยทำใม ฉันรันทดใจมากพอแล้ว พี่นัตก็ได้แต่บอกว่า เมียเค้าอยากมาเยี่ยม แต่ฉันบอกตัวเองตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าพี่นัตมีลูกเมียอยู่แล้วนั้นว่า ฉันจะต้องไปจากตรงนี้ให้ได้ และให้เร็วที่สุด ลูกของฉัน ก็จะเลี้ยงเอง
แต่ฉันก็คิดไว้ในใจเท่านั้น ยังไม่ได้จะเอ่ยอะไรในตอนนี้ เพราะฉันเองก็ช่วยเหลือตัวเองยังไม่ได้
และเมื่อลูกได้สองเดือน เค้าหน้าตาน่ารักมาก เหมือนลูกครึ่ง อาจเพราะพี่นัตนั้นหล่อเหลา ลูกฉันก็จมูกโด่ง ปากหนาได้รูป และผมดำขลับ และขนตายาวงอนนั้น ทำให้ละม้ายพ่อเป็นที่สุด... แต่ใจฉันอยากให้ลูกชายเหมือนแม่มากกว่า
เมื่อลูกครบสองเดือน ฉันก็บอกพี่นัตว่าจะกลับไปเรียนให้จบในเทอมสุดท้ายนี้
แต่ต้องการให้พี่นัตหาคนเลี้ยงลูก  และพี่สาวพี่นัตก็แนะนำให้นำไปเลี้ยงที่บ้านยายคนหนึ่ง ซึ่งเคยเลี้ยงลูกพี่สาวมาก่อน
และยายคนนั้นเค้าก็ช่วยฉันมากกว่า ที่จะอยากได้ค่าจ้างจากพี่นัต
เพราะหลายครั้งที่เค้าสอบถามฉัน ว่าทำใมถึงได้มาเป็นเมียน้อยนายช่าง ฉันก็ร้องไห้ทุกครั้ง มันเศร้าสลด ยิ่งเห็นลูกน้อยด้วย ฉันก็ยิ่งเศร้าใจ
.................................................................................................................................

ตอน  4 อยู่ตรงนี้จ้า

http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2011/01/4.html