1/10/2011

บาปในใจของฉัน

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น... ฉันเองได้รู้จักกับสาวคนนี้  เห็นชัดเลยว่าเธอเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์มาก
โดยเฉพาะเวลาที่เธอยิ้มหรือหัวเราะ ในความเป็นธรรมชาตินั้นสร้างเสน่ห์ให้เธอยิ่งขึ้นไปอีก..ด้วยหน้าตาที่มองผ่านๆ  นั้น ทำให้นึกถึงนักร้องสาว แอม เสาวลักษณ์ ยิ่งเวลาที่เธอยิ้ม..ละม้ายคล้ายกันยิ่งนัก...
เธอเป็นคนที่มีความมั่นใจสูงและยึดมั่นในจุดยืนของตัวเอง..แต่ว่าเรื่องของเธอนั้น มันช่างเป็นเรื่องที่เกินจะคาดคิด และหากเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับตัวฉันล่ะ ฉันจะทำเช่นไร ฉันจะดำเนินชีวิตอย่างไร...อื้ม...น่าคิดจริงๆ
..............................................................................................................
ฉันมองดูเวลา ตีสามกว่าแล้ว... นี่เป็นอีกหนึ่งคืนที่นอนไม่หลับ... ฉันไม่อาจจะข่มตาให้หลับลงได้
ฉันเป็นแบบนี้มานานหลายเดือนแล้ว ไม่คิดว่าอาการมันจะเรื้อรังขนาดนี้...ใช่สิ...เพราะคิดถึงแต่เรื่องของเค้า  ครุ่นคิดแต่เรื่องของริชาร์ด มันปลุกฉันให้ตื่นขึ้นมากลางดึกแบบนี้ทุกๆ คืน ...โอ้ววว หัวฉันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ... อาการปวดหัวรุนแรงขึ้นทุกขณะ...
ใจคิดถึง ริชาร์ด... ฉันคิดสะระตะแล้วว่า ฉันต้องหยุดความสัมพันธ์กับเขาเสียที..นี่ฉันปล่อยเวลาให้มันผ่านมาเนิ่นนาน เกินกว่า สองปีแล้ว.. มันนานเกินไป
ยิ่งนานวันฉันยิ่งเป็นทุกข์ เพราะรู้จักกับ ริชาร์ดมาห้าปีกว่า  ในสามปีแรกนั้น ฉันยอมรับว่า เราสองคนพยายามคบหาดูใจกัน แต่ด้วยความที่เราเจอกันน้อยครั้งในแต่ละปีนั้น มันทำให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนไม่ไปถึงใหน...ห่างเหินกระนั้นหรือ...หรือว่าเพราะสิ่งอื่นใด
แม้ว่า ริชาร์ดจะส่งเงินให้ฉันดาวน์บ้านที่เมืองไทยก็เถอะ... และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเราสองคน
แต่ด้วยเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆ  ฉันกลับคิดว่า นี่มันเป็นความรักหรือเปล่านะ...หรือมันจะไม่ใช่ความรัก...ฉันใช้เวลาพิสูจน์มันมาเนิ่นนาน กระนั้นใจของฉันก็ยังไม่ได้คำตอบ

...................................................................................................
เมื่อห้าปีก่อน วันนั้นฉันไปช่วยงานที่ร้านอาหารไทยของรุ่นพี่ ทำให้คืนนั้นได้มีโอกาสทำความรู้จัก กับริชาร์ด หนุ่มวัยสี่สิบปลาย ริชาร์ดดูดีเชียวล่ะ  เค้าใจดี อบอุ่น อ่อนโยน เป็นพ่อพระ ความอ่อนโยนของเขานั้นเผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นอย่างทั่วถึง ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวที่รู้ตรงนั้น
พวกเราทุกคนรู้กันดีว่าริชาร์ดนั้นเป็นคนจิตใจดี  ด้วยความอบอุ่นของเขานั้น มันไม่ยากเย็นอะไรเลยที่ฉันจะยอมรับริชาร์ดเข้ามาในชีวิต... อีกทั้งความช่วยเหลือจุลเจือจากเขาทำให้ หลายอย่างในชีวิตฉันดีขึ้น...

 แต่วิถีแห่งชีวิตของเราสองคนนั้น ไม่ได้สมบูรณ์แบบที่คู่อื่นๆ เขาเป็นกัน
นานๆ ที เราถึงจะได้เจอกัน  เหมือนอะไรบางอย่างที่ขาดหายไป...
และนั่น คือความ ผิดพลาดอันใหญ่หลวง...ที่ฉันปล่อยให้มันเกิดเป็นช่องว่างระหว่างเรา...
................................................................................................
วันนี้บั๊ด ไปทำงานแต่เช้า...ฉันต้องอยู่บ้าน เพราะไม่รู้จะออกไปใหน... อยู่ฝรั่งเศสมาสองปี
ยังหางานทำไม่ได้ ภาษาฝรั่งเศสก็ยังไม่แข็งแรง... แม้ประสบการณ์ด้าน งานโรงแรมตลอดอายุงานของฉัน ก็ยังไม่สามารถจะหางานได้ง่ายนักในประเทศนี้
แต่ฉันก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องหางานมากนักหรอก...  บั๊ดทำงานสายการบิน.. ความที่เค้าน่ารัก
รูปหล่อ และอารมณ์ขัน ทำให้ฉันมีชีวิตชีวาเสมอที่อยู่ใกล้เขา ใช่ฉันมีความสุข
วันนั้น วันที่เขาขอฉันแต่งงาน... ฉันไม่ได้ลังเล ที่จะตอบตกลง... เพราะบั๊ด นอกจากหล่อ
แม้เค้าจะเด็กกว่าฉันหลายปีมากก็ตาม แต่มันไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับความรักที่บั๊ด มีให้แก่ฉัน...
ยิ่งนับวันบั๊ดก็ยิ่งรักฉันมากขึ้น เราเข้าใจกันดี...ฉันเองไม่เคยมีความลับกับบั๊ด
แม้แต่เรื่องริชาร์ด ก็เถอะ แต่บั๊ดก็ไม่ชอบที่จะรับรู้รับฟัง เพราะบั๊ดคิดว่า เมื่อแต่งงานกันแล้ว มันก็ควรจะไม่มีเรื่องของผู้ชายคนอื่นเข้ามากวนใจ ใช่....มันไม่ควร
............................................................................................
ร่วมสองปีกว่าที่ฉันแต่งงานกับบั๊ด...โดยที่ ไม่ได้บอกริชาร์ด...
สาเหตุที่ไม่ได้บอกเลิกริชาร์ดนั้น...เป็นเพราะว่าฉันไม่มีโอกาส ...
อาจเป็นว่าใจฉันไม่แข็งพอที่จะรับรู้ว่าริชาร์ดเสียใจ นี่มันเป็นบ้าอะไรนะ  ฉันสับสนวุ่นวาย
หลายครั้งที่ฉันตั้งใจจะบอก แต่ริชาร์ดก็มีปัญหา เช่น เรื่องงาน เรื่องที่เค้าเสียขวัญกับเหตุการณ์ส่วนตัว... ทำให้ฉันอ้าปากไม่ออกสักที ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยอะไรออกไป ซ้ำเติมริชาร์ดได้

ครั้งที่แล้ว... ที่ฉันตั้งใจแน่ๆ แล้วว่า จะบอกเลิกกับริชาร์ด แต่ เรื่องงานที่ริชาร์ดแบกอยู่นั้น และระบายตูมออกมา มันก็ท่วมปากที่หนักอึ้งของฉัน ไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกไปอีก หลายครั้งที่เป็นแบบนั้น
ฉันยอมรับว่าแคร์ริชาร์ดมากมาย กลัวว่าเค้าจะรับไม่ได้
แต่เมื่อคิดให้ลึกลงไปแล้ว ในระยะเวลาหนึ่งปี นั้น เราเจอกันเพียงแค่ครั้งเดียวก็มี  เซ็กซ์เหรอ ไม่ต้องพูดถึง บ่อยไปที่เราเจอกันแค่ ทานข้าวเที่ยง แล้วริชาร์ดก็ต้องขอตัวจากไป เพราะมีธุระสำคัญที่อื่นต่อ
ฉันต้องเดินคอตก สองมือล่วงกระเป๋า ก้าวเดินอย่างโดดเดี่ยวกลับบ้าน... นี่โชคชะตาเล่นตลกอะไรกันแน่
โชคชะตานำพาคนดีๆ อย่างริชาร์ดเข้ามาในชีวิตฉัน  แต่โชคชะตาก็พราก ค่อนของชีวิตฉัน ให้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว แบบนั้นหรือ
.................................................................................................... 
ตอนที่ฉันจะมาฝรั่งเศสนั้นฉันบอกริชาร์ดว่า ฉันมีงานโรงแรม อยากจะมาทำงานสักพัก สาเหตุที่ไม่บอกไปตรงๆ เพราะคิดง่ายๆ เอาเองว่า ถ้าเวลาผ่านไป เราสองคนคงจะห่างออกไป และในที่สุด เวลาก็คงจะพัดพาให้เราสองคน ถอยห่างออกไปเรื่อยๆ
พร้อมด้วยครั้งนั้น ฉันไม่แน่ใจว่าริชาร์ด ต้องการอะไรกันแน่.... เขาต้องการครอบครัวเหมือนกับฉันหรือเปล่า หรือแค่ช่วยเหลือเกื้อกูลฉันให้มีชีวิตอยู่ได้ ไปวันๆ
แต่การมาฝรั่งเศสของฉันนั้น กลับกลายเป็นว่ามาแต่งงานกับบั๊ด...
ใช่....มันเป็นเรื่องแปลก ฉันก็แปลกใจตัวเอง ว่าปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ด้วยบุคลิกฉันแล้ว ฉันไม่ใช่คนโลเล แต่อย่างใด  ฉันเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่ อายุ 18 ปี
แต่กับริชาร์ด ทำใมนะ.... ฉันกลับจมปลักอยู่กับ ใจตัวเองที่วนไปวนมา เหมือนคนตกนรก..
ทุกเดือนที่ผ่านไป..ฉันตั้งใจจะบอกริชาร์ด ว่าฉันได้คบหากับหนุ่มฝรั่งเศสแล้ว
ฉันอยากจะเอ่ยออกไปตรงๆ เพื่อใจฉันจะได้โล่งเสียที..
แต่ทุกครั้งที่ฉันได้ฟังเสียงของริชาร์ด ฉันต้องพ่ายแพ้ในความตั้งใจของตัวเองเสมอเลย...
น้ำตาหลั่งไหล... สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ...คำนี้มันช่างมีความหมายโดยตรงกับฉัน
ตอนนี้ ใจฉันตกนรก...
ผู้ชายที่แสนดีแบบนั้น... ฉันจะสรรหาคำใหนออกมา ทำลายความรู้สึกของเขาได้หนอ
มองหิมะโปรยปรายอยู่นอกหน้าต่างนั่น...หากแต่ความเหน็บหนาวด้านนอกนั้น..กลับทำให้ฉันไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรด้วยเลย นอกจากความร้อนใจ ที่จะต้องรวบรวมความกล้าหาญทั้งหมด ที่มีและต้องบอกริชาร์ด ออกไป...
ขอคุณพระคุ้มครอง
แพรวภรณ์
..........................................................................................................
ผู้เขียน
ขอบคุณที่อนุญาตให้นำเสนอเรื่องราวของเธอ....
ฉันไม่รู้ว่า ความทุกข์ในอกของเธอนั้นมีมากแค่ใหน แต่ฉันก็ขอให้เธอเลือกในสิ่งที่ดีต่อชีวิตตัวเองและมีความสุขในการใช้ชีวิตต่อไป
ฉันเชื่อว่า ยังมีอีกไม่น้อย ที่หลายๆ คนยังตกอยู่ในสภาวะการณ์แบบนี้...
แต่ฉันก็ขอให้ทุกชีวิตดำเนินไปด้วย สติที่สมบูรณ์ ค่ะ