ตอนสาม
พระอาทิตย์ ตกดินที่โบราโบร่า
หมอหนุ่ม ใช้สองมือกุมมือหญิงชราหลังจากที่ย่อตัวนั่งลงเก้าอี้ข้างๆ หญิงชราที่นอนอยู่บนเตียงนั่น ลูกๆ ของเธอ ยืนอยู่ข้างหลัง หมอโน้มตัวไปคุยกับเธอใกล้ๆ ด้วยกิริยาอ่อนโยน เค้าทำเช่นนี้กับทุกวันที่ต้องออกตรวจ คนไข้ ที่ไม่สะดวกจะไปพบเค้าที่คลีนิค
ภาพที่แก้วใสเห็นนั้น เป็นกิจวัตรของเจ้านาย ที่อ่อนโยน และอบอุ่น
“มาโม่ (แม่) ต้องกินข้าวนะ และกินยา ต้องดูแลจิตใจตัวเองให้ดี ทุกๆคนไม่อยากจะเศร้านะ และทุกคนรักมาโม่นะ ดูสิ ลูกๆ นี่” หมอบอกหญิงชราผู้นั้น เค้าจะเรียกหญิงชรา ที่อายุมากๆ ว่า แม่ทุกคน และความอ่อนโยนนั่น ทำให้เค้าเป็นที่รักของชาวบ้านในเกาะแห่งนี้
แก้วใสรู้ดีว่าเจ้านายของเธอนั้น น่ารักแค่ใหน บุคลิกของเค้าแตกต่างกับ ชาวฝรั่งเศสทั่วไป ดูๆ แล้วคล้ายคนไทย ที่ห่วงใยคนแก่ ห่วงใยเด็กๆ น้ำเสียงของเค้า อ่อนโยน น่าฟัง
กิริยาของเค้า ไม่มีเลยที่จะแข็งกระด้างกับผู้ป่วย แม้หลายครั้ง ที่คนไข้ของเค้า เข้ามาวีน ดุจดั่งเจ้านาย มาวีนคนรับใช้ก็ไม่ปาน...แต่เค้าก็ไม่อาจจะแสดงการวีนกลับไปได้ เมื่อเวลาผ่านไป ทำให้จิตใจของเธอ ยึดติดกับความอ่อนโยนของเขาคนนี้ และนั่นกลายเป็นความรู้สึก ที่แก้วใสบอกตัวเองว่า “รัก”
ก่อนจะมาถึงที่รถ เขาไม่เอ่ยคำพูดใดๆ อีกเลย หากแต่ชายหนุ่มใช้มือ สัมผัสที่แผ่นหลังของเธอให้เดินนำไปก่อน กิริยานี้เธอคุ้นเคยนี้ เพราะฝ่ามือที่อุ่นนั้น คล้ายจะสื่อสาร อะไรต่อมิอะไรในใจเค้า สู่ใจเธอ โดยที่เค้าไม่ต้องอธิบาย
"มาโม่ เธอได้ตัดสินใจแล้วว่า จะไป" หมอกล่าว "อีกไม่กี่วันนี้ เธอคงได้สมหวัง" หมอพูดอย่างเศร้าสร้อย พร้อมออกรถ
ใช่ เมื่อ สามเดือนก่อน แก้วใสจำได้ดีว่า หญิงชราผู้นี้ พึ่งสูญเสีย ชายที่รักยิ่ง และสูญเสียไปอย่างไม่มีวันกลับ
ความโศกเศร้านั้น นำพาเธอสู่การล้มป่วย... จิตใจเศร้าหมอง
หญิงชราและสามีเธอ อายุแปดสิบกว่าแล้ว แต่ภาพในวันวานนั้น ทำให้แก้วใส อมยิ้มทุกครั้ง ที่เห็นเค้าทั้งคู่ จูงมือกันเดินออกกำลังกาย ในสวนหย่อมหน้าบ้าน และหลายครั้งที่เวลาเธอขับรถผ่าน มักจะเห็น ชายชรา โอบกอดภรรยาของเค้าด้วยมือข้างหนึ่ง และอีกข้าง ชี้โน่น นี่ ในสวน ต่างพากันยิ้ม หัวเราะอย่างมีความสุข
นั่นไม่แปลกอะไรเลย เมื่อสามีเธอจากไป ทำให้เธอเศร้าได้ปานนี้ ในสามเดือนที่ผ่านมา แก้วใสไม่เคยเห็นรอยยิ้มของหญิงชราผู้นี้อีกเลย
เห็นเพียงคราบน้ำตาในใบหน้าเยี่ยวหย่นนั่น ทุกครั้งที่หมอและเธอมาเยี่ยมในช่วงบ่าย และหญิงชราจะร้องไห้เสมอๆ เมื่อเห็นหน้าหมอ หลายครั้งเธอร้องไห้จนตัวโยน... เธอไม่กิน ไม่ขยับร่างกายไปใหนมาใหน ได้แต่ทอดกายนอนบนเตียงและหันหน้ามองนอกหน้าต่างนั่น... ใช่เธอมอง ตำแหน่งที่สามีเธอนอนอยู่ มีดอกไม้สด ทุกวันวางไว้ที่ปลายท้าวของสามีตรงนั้น...
ใต้คอนกรีตสีขาวนั่น...มีสามีเธอนอนรอคอยอยู่
โบราโบร่า กับวิวพระอาทิตย์ตกดินหลังบ้านป้าลี
............................................................................................................................................................
วันนี้วันพุธ รถส่งยาจะมาถึง หน้าที่ของเธอ คือต้องเซ็นต์รับและ จัดยาเข้าห้องยา
ช่วงนี้ผ่านหน้าฝนมาได้เดือนกว่า ทำให้มีคนป่วยโรคหวัดเยอะ เธองุ่นง่าน อยู่ในห้องยา ขณะนั้นได้ยินเสียงพยาบาลสาวพูดคุยอยู่ข้างนอก
“โธ่...ที่รัก คุณก็รู้ว่าผมกับเธอน่ะ รักๆ เลิกๆ ผมก็ตอบไม่ได้ว่า มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในใจผมขณะนี้ ผมไม่รู้ว่าผมต้องการอะไร” เสียงหมอหนุ่มกล่าวอย่างอ่อนโยน และออดอ้อนด้วยซ้ำไป แน่นอนหมอจะไม่แก้ตัวใดๆ ว่าไปที่รีสอร์ทนั่นมา เขาไม่เคยต้องแก้ตัวอยู่แล้ว แต่เขากลับยอมรับด้วยซ้ำไป
“ฉันน่าจะไม่แคร์คุณเลยด้วยซ้ำ” พยาบาลสาวกล่าว
แล้วเค้าสองคนก็เดินเข้าไปคุยในห้องตรวจและปิดประตู
มือเรียวยาวนั้นชะงักการหยิบกล่องยา เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู.... ทำใมนะ เจ้านายของเธอ กลายเป็นคนที่มีแฟนเยอะตลอดเวลา สาวๆ ต่างเทใจให้ทั้งๆ ที่รู้ว่า มีคู่แข่ง...แม้แต่ตัวเธอเองที่รู้สึกกับเจ้านาย มันเป็นความรู้สึกที่เธอต้องปกปิดอยู่ตลอดเวลา ไม่อาจให้เค้ารู้ได้
หลายครั้งที่เธออยากตัดใจ แต่ด้วยความคุ้นชิน และห่วงใย ในเวลาที่เค้าจะหาของไม่เจอ
หาเอกสารไม่เจอ ลืมโน่นลืมนี่เวลาที่ออกตรวจข้างนอก หากไม่ใช่เธอคอยเตือน คอยจัดอุปกรณ์ให้
ใหนจะคอยเตือนเรื่องนัดกับสาวๆ ก็กลายเป็นหน้าที่ของเธอไปซะงั้น ผีป่าอะไรสิงห์สู่ในเธอนะ ถึงต้องยอมอยู่ในสภาพรักเขาข้างเดียวแบบนี้
ไม่ใช่ว่าเธออยากจะทำแบบนี้นะ แต่หัวใจของเธอมันเรียกร้อง
มีรักที่ใหน ก็มีทุกข์ที่นั่น
เธอวางกล่องยาอันสุดท้าย ก่อนที่จะเดินกลับไปยังห้องทำงาน
จังหวะนั้น นางพยาบาลก็เปิดประตูออกมา... และ
และ
เค้าจูบลากันอยากดูดดื่ม...
แก้วใส เข่าอ่อน หัวใจติดขัด เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ อย่างหมดแรง.... ใช่หัวใจเธอเจ็บ ไร้เรี่ยวแรง หมดคำอธิบาย
เจ้านายของเธอ ไม่มีทางมองเธอด้วยสายตาแบบเดียวกับที่เธอมองเค้า ไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าเธอเป็นหญิงสาวด้วยซ้ำไป..
น้ำตา ไหลออกมาไม่รู้ตัว...
...........................................................................................................................
“อีวานร์ ฉันคิดว่าเราต้องหยุดนะ ระหว่างเรามันไม่มีการพัฒนาไปมากกว่านี้”
เธอพูดก่อนเดินเข้าห้องไป ปล่อยให้อีวานร์ ทรุดนั่ง เอามือกุมหัว ด้วยความสับสน เค้าจะหยุดได้ยังไง ในเมื่อมันพึ่งเริ่มต้น เค้าไม่พร้อมจะสูญเสียเธอหรอก ที่ยอมย้ายงานมาอยู่ที่ไกลแสนไกลแบบนี้ก็เพื่อต้องการที่จะอยู่กับเธอ
ใช่เธอโกรธเพราะเค้าไปล่องเรือกับ พอลนาวีหนุ่มเพื่อนรักที่ร่วมฝึกหัดกันมาหลายปี
ในขณะที่เธอต้องทำงานงกเงิ่น อีกทั้งไม่ได้รับความรับมือจากหน่วยงานของเธอ
เธอเคลียดเค้ารู้ดี แต่มันเป็นความผิดของเขาเหรอ ที่ช่วยเธอเรื่องงานของเธอไม่ได้
“ที่รัก.... ผมรักคุณมากคุณก็รู้ ผมไม่คิดว่า ระหว่างเรามันจะจบด้วยเรื่องแค่นี้นะ” เขาเดินตามเข้าไปหาเธอในห้อง
“มันไม่ใช่ครั้งแรก อีวานร์” ตลอดทั้งอาทิตย์สองอาทิตย์ คุณเดินทางตลอด พอกลับมาคุณก็มีเวลาให้เพื่อนคุณโน่น..ไม่ใช่ฉัน คนที่รอคอยเธอตรงนี้” เธอกล่าวและมองเขา
เขาเห็นเธอพอใจที่จะอยู่กับเพื่อนๆ เธอมากกว่าที่นอกเหนือจากเวลางาน หลายครั้งที่เธอมีนัด ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาจะกลับมา
“ฉันคิดว่าความรักของเรามันได้ผ่านเลยไปแล้ว” เป็นคำตอบที่เย็นชา เหลือเกิน
เขาไม่มีคำตอบใดๆ นอกจากถอนหายใจ
“คุณจะไปจริงๆเหรอ” เขาถามเธอตรงๆ พร้อมล้มตัวลงนอนกอดเธอบนเตียงนั่น ..................
ไม่มีคำตอบ จากหญิงคนรักแต่อย่างใด
..........................................................................................................................
http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/12/4.html ตอน สี่ ค่ะ
http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/12/4.html ตอน สี่ ค่ะ