12/29/2010

จากใจ ชายแปลงเพศคนหนึ่ง ตอน 3

ในปีแรกที่ทำงานอยู่ที่นี่ ทั้งสนุก และเคลียด แต่ด้วยความใฝ่ฝันแล้วฉันอยากจะอยู่ตรงนี้ และเป็นดาว...
เมื่อมีความฝันมันก็ต้อง เปิดทางค้นหาทิศไปสู่ดวงดาว...
ด้วยอาชีพแบบฉันแล้ว ศัลยกรรมเป็นเรื่องกินทานข้าว..นั่นคือในทุกๆวัน ฉันต้องรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ในชีวิตประจำกับการเสิรมสวยๆ งามๆ จะเสิรมจะตัดบางส่วน เพิ่มบางส่วนนั้น มันเหมือนที่แห่งนี้ถูกสาป
จากที่ไม่ค่อยอยากจะสนใจ..สมัยเป็นเกย์ควีน  แต่เมื่ออยู่ตรงนี้แล้ว เส้นทางนี้  ถูกข้อมูลข่าวสารที่ใช้กินแทนข้าวทุกๆ วัน มันก็คล้อยตาม
นึกไปถึงวันที่เริ่มเข้าสู่วงการการโชว์ใหม่ๆ นี้ ฉันคิดว่า กระเทยเด็กๆ ทุกคน ต้องใฝ่ฝันอยากจะเสิรมหน้า ทำนม ตัดส่วนเกินเพิ่มส่วนขาดกันทั้งนั้นแหละ และทำที่ใหนอย่างไร ฉันคิดว่าพวกเรารู้แหล่งดีทีเดียว.... ฉันไม่ต้องเสิรมจมูก...เพราะจมูกโด่งมาแต่เกิดแล้ว ที่อยากทำคือหน้าอก และ สะโพก อยากให้มัน ผายเหมือนรุ่นพี่ๆ จังเลย มันดูสวย งดงาม เหมือนรูปปั้น
ชีวิตช่วงนี้ ฉันก็ทำงานโชว์เป็นตัวประกอบด้วยวัยแล้ว ยังมีโอกาสไปอีกไกล และจากอาชีพครูสอนเต้นแอร์โรบิคแล้ว ฉันไม่มีปัญหาเรื่องการหัดเต้น หัดโชว์ สักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของฉันก็เริ่มอีกครั้ง....
โทมัส... เรารู้จักกันวันนั้นฉันไปปาร์ตี้วันเกิดนังก้อย เพื่อนที่โชว์ และเราไปนั่งดื่มกันที่ผับ (เกรดต่ำ ขอโทษค่ะแต่เรื่องจริง)
ฉันเดาว่าคุณคงไม่รู้จักผับเกรดต่ำเป็นแน่แท้...
ผับเกรดต่ำก็คือ...คุณสามารถดริ๊งค์และเซ็กต์ในที่เดียวกันได้ และมีการเล่นยาได้ด้วย ซึ่งสมัยนั้นผับแบบนี้หาได้ไม่ยากหรอก ก็ไม่รู้ว่า ทำใมได้มาที่นี่ แต่นังก้อยสิ มันชอบมาอับยาที่นี่ (คนเล่นยาเค้าจะมีแหล่งซื้อที่ไว้ใจได้ ทั้งเรื่องราคาที่ไม่เอาเปรียบหน้าใหม่ กับเรื่องของตำรวจน่ะค่ะ) 
วันนั้น...มีกระเทยจากใหนไม่รู้พาแขกมาด้วย หล่อมาก...เล่นเอาสาวๆ อย่างพวกเรา กรี๊ดกร๊าดดได้อีกเป็นปีๆ เลยแหละ พ่อคุณเอ๊ยยยยย
ฉันก็ไม่ได้ไปสนใจอะไรมากมาย กับแขกที่มีเจ้าของนักหรอก (ฉันตัวเล็ก และไม่กล้าไปมีเรื่องกับกระเทยด้วยกันหรอก ฉันออกแนวเงียบและยิ้มเก่งมากกว่า)
เมื่อสนุกพอใจแล้ว พวกเราก็ออกไปข้างนอกกัน..ตอนนั้น ตีสามแล้วมั๊ง
เดินๆ เฮฮากันตามประสา... แต่ฝรั่งรูปหล่อคนนั้นกลับเดินตามพวกเรามา... อีนังก้อยมันบอกว่า แขกมาติดเหยื่อ พวกเราก็หันไปมอง แน่นอน..กระเทยอย่างพวกเรานอกจากหุ่นดีแล้ว(ต้องใช้รูปร่างในการโชว์) ท่าเรียกแขกของเราก็ชั้นสูงแน่นอนค่ะ
เขาเดินเข้าสู่วงล้อมของพวกเราทันที... แน่นอนว่า ใครหน้าใหนก็มาคาบไปไม่ได้หรอก ด้วยวิถีแห่งอาชีพแล้ว พวกเราจะไม่ไปดึงแขกของใครกลางวงล้อม
แต่ผู้โชคดีคนนั้น...คือฉัน ที่เขามองสบตาไม่กระพริบ และตรงลิ่วมาสู่วงล้อมนั่นก็มาหยุดที่ฉัน... เขาถามคำเดียวว่า ขอไปด้วยคนได้มั๊ย...
ส่วนตัวฉันไม่สนใจ ฝรั่งเด็กหนุ่มๆ เพราะผ่านชีวิตมากับโรเบิร์ตแล้ว รู้สึกมีความสุขมากกว่าถ้าเป็นผู้ใหญ่..
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิง” ฉันบอกไปตรงๆ แล้วเขาก็ โอบกอดฉันทันที และบอกว่า “ขอบคุณครับ”...
หลังจากวันนั้นมา... ฉันก็มีเงิน ผ่าตัดเสริมนั่นนี่อย่างใจต้องการ... โทมัส ใจถึงและชอบการผจญภัยทุกรูปแบบ และเขาทำฝันเรื่องการเปลี่ยนรูปร่างของฉันให้เป็น “อีชา” คนใหม่อย่างน่าชื่นชมหลงไหล...
เขาขอให้ฉันเดินทางไปเยี่ยมเค้าที่เยอรมัน...ช่วงสองเดือนกว่านั้น ฉันยอมรับว่า มีความสุขที่สุด... ชีวิตที่เยอรมันมีแต่สนุกกับโทมัส... ฉันไม่คิดว่า ชีวิตผู้ชายคนหนึ่งที่มีอาชีพโชว์ จะทำให้หลายๆ คน ชื่นชอบและมองว่าเป็นดาราไปได้ขนาดนี้
เมื่อวีซ่าหมดอายุ โทมัสมาส่งฉันที่เมืองไทย..และทำเซอร์ไพรส์ฉันโดยการไปส่งที่บ้าน เพื่อรู้จักครอบครัวฉัน..และบอกกับพ่อกับแม่ว่า ต้องการจะแต่งกับฉัน...(ทั้งๆ ที่ยังไม่ขอฉันแต่งงานด้วยซ้ำ)
ใช่ค่ะ..ชีวิตมันน่าจะสมบูรณ์แบบ...แต่...
หลังจากที่โทมัสกลับไปแล้ว...เขาส่งจดหมายมาบอกว่า พบ เชื้อ เอดส์....
เขาไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่านั้น...แค่นั้นฉันก็ตกใจสุดขีดแล้ว เราอายุยังน้อยด้วยกันทั้งคู่
ฉันเองยังไม่สามสิบ ส่วนโทมัส ก็แก่กว่าฉันเพียง สามปี
มันเป็นเมล์ที่คร่าชีวิตฉันได้ แบบล้มทั้งยืน... โอ้ คุณพระ... ฉันคิดว่าโทมัสเขารู้ดีว่าเชื้อน่าจะมาจากเขา เพราะเขาไม่ได้มาต่อว่าฉันแม้แต่น้อย
ส่วนลึกแล้ว ฉันห่วงเขามากกว่าตัวเอง สมัยนั้นบ้านเราไม่ยอมรับ โรคนี้กันหรอก ใครๆ จะกลัวคนติดเชื้อเอามากๆ ยิ่งกว่ากลัวผีบอป...เรียกว่า ถ้าเจอผีบอปอีหยิบ กับคนติดเอดส์ คนไทย พ.ศ.นั้นจะเลือกวิ่งหนีเอดส์ก่อนอันดับแรก
ฉันติดต่อโทมัสอยู่สองอาทิตย์ จึงสามารถติดต่อเขาได้... เขาขอโทษฉันที่พาชีวิตฉันมาหยุดตรงนี้... ใช่ฉันโกรธเพราะฉันดูแลตัวเองดีมาตลอด แต่วิถีชีวิตของโทมัสนั้น เค้าชอบสนุก แวกแนว
เรื่องบนเตียงไม่ต้องถามถึงนะคะ คุณๆ จะรับไม่ได้ซะเปล่าๆ
ฉันบอกให้โทมัสใจเย็นๆ เพราะคนติดเชื้อ ต่างก็สามารถมีอายุยืนยาวได้อีกหลายปีหากดูแลตัวเอง...
แต่โทมัสสิ..เขาคงยอมตายหากต้อง ใช้ชีวิตคนละแบบกับที่เขาเป็น...
เขามาหาฉันที่เมืองไทย และอยู่ด้วยกันอีกสองอาทิตย์ และเขาก็ลาออกจากงานแล้ว
เขาต้องการไปอยู่พัทยา... ฉันก็ตามใจเขา
ชีวิตที่พัทยาช่วงนี้แหละค่ะที่เป็นอีกหนึ่งช่วงสุดท้ายก่อน...ที่ฉันจะกลับสู่อ้อมอกแม่
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/12/blog-post_30.html  ตอนจบ ค่ะ