ต้องขออภัยแฟนๆ เมื่อคืนไม่มีอินเตอร์เน็ตจ้า เลยอัพเรื่องไม่ได้ สงสัยข้างนอกเย็นจัด
....................................................................................................................................
เด็กหนุ่ม ที่นั่งอยู่ในห้องกระจกนั่น เขายังเด็กนัก ไม่น่าจะเกิน 17 ด้วยซ้ำ ข้อมือที่ถูกล็อคด้วยกุญแจมือ ทำให้เขาต้อง เอามือประสานกันตลอดเวลา
สเปียร์บอกว่า เธอไม่อยากจะเอาผิดอะไร เพราะสงสาร เขายังเด็กเกินไป
“เขาแค่ต้องการขโมยของเล็กๆ น้อยๆ น่ะ พอล... เราน่าจะช่วยเขาได้นะ” สเปียร์จับแขนนาวีหนุ่ม
“คดีทำร้ายร่างกายน่ะสเปียร์ จะลองถามดูว่าไม่ต้องส่งสำนวนได้มั๊ย นี่ถ้าวันนั้นคุณเกิดตายขึ้นมาน่ะ จะทำยังไง” เขากุมมือเธอ
เด็กน้อยคนนั้น ต้องการเพียงขโมยของ ขโมยเงิน เพราะนึกว่าไม่มีคนอยู่ แต่พอเห็นว่ามีสเปียร์อยู่เขาจึงทำร้ายเธอ เมื่อเห็นเธอฟลุบลงไป เขาตกใจ เลยวิ่งหนี
พ่อแม่เขามาถึงแล้ว และลงมือซ้อมเขาทันที แม่ก็ด่า ปาวๆ พ่อก็ตี... ตำรวจต้องจับแยก
แก้วใสนึกถึงเด็กวัยรุ่นที่เมืองไทย ที่หลายๆ คนเป็นแบบนี้ ไม่รู้เด็กต้องการอะไร ขาดความอบอุ่นก็คงจะไม่ใช่เหตุผลหลัก
แต่เขาก็ยอมรับว่าทำคนเดียว... ไม่มีคนอื่นสมรู้ร่วมคิด
ตำรวจเจ้าของคดี เดินมาพูดกับ กับพวกเธอ ว่า บางทีควรจะให้เขาได้ไปใช้ชีวิตในสถานกักกันพิเศษ น่าจะดีกว่าอยู่กับครอบครัว เพราะครอบครัวนี้ไม่น่าจะปลอดภัยสำหรับเด็กน้อยนั่นเท่าไหร่
พอลถามว่า เปลี่ยนเป็นโรงเรียนพิเศษแทนได้มั๊ย...เพราะสเปียร์เองก็ไม่อยากเอาความ อยากให้ทางตำรวจช่วยเหลือเขาเรื่องที่อยู่
ซึ่งตำรวจแจ้งว่าจะหาทางออกให้เขาให้ดีที่สุด... เพราะดูมูลเหตุจูงใจแล้วเขาทำผิดครั้งแรก และเป็นเด็กดีมาก่อน สเปียร์และแก้วใสเลยกลับบ้าน ปล่อยให้ พอล ดำเนินการกับทางตำนวจต่อไป
......................................................................................................................
“เธอยังโกรธอีวานร์อยู่น่ะ พอล” สเปียร์เอ่ยถึงแก้วใส หลังจากที่พอลมารับออกมาทานข้าวด้วยกัน
พักนี้สเปียร์และอีวานร์เป็นเงาตามตัว เห็นคนหนึ่งก็ต้องเห็นอีกคนหนึ่ง
“อีวานร์ก็ดูหลบๆ เลี่ยงๆ นะ เมื่อพูดถึงแกว” พอลเล่า
“หรือเค้ามีไรกันหรือเปล่านะพอล” สเปียร์ถาม
“เรื่องหมอล่ะ ตกลงยังไงกัน” พอลซัก
“ก็ไม่เห็นแกวเธอแฮปปี้นะ... เหมือนว่าเธอลังเล” สเปียร์กล่าว “แต่โกรธอีวานร์นี่นอนเลย
หรือเค้ามีไรต่อกันจริงๆนะพอล”
“ผมก็ว่าแบบนั้นแหละ... มีวิธีเดียวที่จะรู้ได้ และ ทำให้คนอีโก้สูงยอมรับได้น่ะ”
สเปียร์ วางแก้วไวน์ ทันที และ ขยับตัวมาฟังเขา
“เราต้องร่วมมือกัน ทำให้อีวานร์หึงหวง ผมจะลองแกล้งจีบแกว”
“ฉันร่วมมือ... “ สเปียร์ยิ้มกว้าง อยากเห็นเพื่อนรักมีความสุข
“และต้องให้แกวรู้นะ ไม่งั้นเธอจะไม่เล่นด้วย เพราะเธอรู้ว่า คุณเป็นแฟนชั้น” สเปียร์ทำหน้าล้อ
“ใครแฟนคุณ” พอลทำเล่นตัว
“อ้าว แฟนชั้นไม่ใช่คุณเหรอคะ พอล” ... งั้นฉันเป็นแฟนใครน๊า เธอ ว่าต่อ ทำทีพูดจริงๆ
“ไม่มีทาง...ใครก็เข้าใกล้คุณไม่ได้หรอก.. คอยดูสิ” พอลรีบดัก
“เชอะ.... ก็ไม่ได้เป็นแฟนกันนี่ ฉันก็ซิ่งได้สิ”....
“สเปียร์” พอลเสียงเข้ม.. ยิ่งรู้ฉายาเธอ คบหนุ่มไม่เคยเกินสองเดือนด้วย ทำเอาเค้างุ่นง่าน เหมือนกันนะ
“ไม่รู้แหละ.... อ๊า “ เธอตกใจสุดๆ เมื่อเงยหน้ามาอีกทีก็เห็น พอล ควัก กล่องสีแดงกำมะยี่ และเปิดมันออก
เธอตกใจ “โอ ไม่นะพอล ไม่ๆๆๆๆ “ เธอเห็นเค้าขยับตัว ลง คุกเข่าที่พื้น
“โอ โอ” เธอหันมองคนอื่นๆ ทั้งร้านนั้น...รู้สึกอาย...และตื่นเต้น แขกในร้าน ต่างอมยิ้ม และมองเธอเป็นตาเดียว
“คุณพร้อมจะแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกับผมหรือยังครับ สเปียร์” พอล คุกเข่าและ ถามเธอจริงจัง
เขาหล่อเหลา ชาญฉลาด เธอจะปฏิเสธได้เหรอ... เธอเว้นวรรคก่อนตอบ... "ครับ?"
“วี “ เธอตอบตกลง.... แล้วทุกคนก็ ปรบมือ วันนั้น หลายคนก็ได้ยิ้มกับเรื่องน่ายินดีของคนทั้งคู่ ที่กอดกันด้วยความรัก...
“ไม่น่าเชื่อฉันจะตอบตกลง แต่งงานกับคุณ พอล” เธอกระซิบข้างหูเขา
“ใช่ครับ..ผมโชคดีที่สุด ผมภูมิใจมาก” แล้วเค้าก็จูบเธอ.....
...................................................................................................
พอลเอ่ยชวน อีวานร์เมื่อกลับจากเล่นเจ็ตสกี ว่าอยากให้เขาไปร่วมงานปาร์ตี้ที่บ้านแก้วใสคืนนี้
เพราะเป็นวันพิเศษ
อีวานร์อมยิ้ม...
“มีข่าวดีล่ะสิ” เขาดีใจกับเพื่อน
“ยังหรอก ไม่รู้ว่าแก้วใสจะว่ายังไง” อีวานร์หยุดชะงักทันที และหันไปมองพอล ตรงๆ “แก้วใส?”
อีวานร์งง
“ใช่ ฉันจะขอแก้วใสเป็นแฟนน่ะ”
“ฮ๊า” อีวานร์ตกใจ เพราะเข้าใจว่า พอล จีบอยู่กับ สเปียร์ และงานนี้พอล จริงจังหวังแต่งและพร้อมที่จะใช้ชีวิตคู่มีลูกตัวน้อยๆ แล้วด้วย แต่ไง๋
“ใช่...สเปียร์ช่วยฉันน่ะ ช่วยเยอะด้วย” พอลทำตาฝันหวาน
“นายไปได้หรือเปล่าเพื่อน” พอลถามทั้งๆ ที่เห็นอีวานร์ตกตะลึงจังงัง อยู่
“จะไปหรือเปล่าอีวานร์” พอล สะกิด เพราะเห็นอีวานร์ ทำท่าหูตึง เสียแล้ว
“ไปสิ ต้องไปแน่นอน” อีวานร์ตอบไป “ไม่ไปได้ยังไง พิเศษขนาดนั้น”
................................................................................................
ทางด้านหมอหนุ่ม... ตอนนี้ เขากำลังครุ่นคิดถึงคนที่นั่งอยู่ในห้องนั้น อยากจะถามเธอตรงๆ ว่าเธอคิดยังไงกับเขา
แต่ก็กลัวคำตอบของเธอเหลือเกิน และแก้วใสเองก็ไม่เหมือนกับสาวคนใหนที่เคยเจอด้วย
เธอไม่ชอบคำหวาน เธอเป็นคนตรงๆ กล้าหาญ บางครั้งไม่ค่อยพูด นี่เป็นเหตุผลที่แก้วใสมีเสน่ห์เหลือเกิน นอกจากความฉลาดของเธอแล้ว สิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้ตลอดเลยคือ แก้วใส เป็นคนที่หวาน เมื่อก่อนเขาคลั่งไคล้ สาวเปรี้ยว จี๊ดจ๊าด นั่นเพราะทำให้ดูเซ็กซี่ แต่เมื่อต้องการความสงบแล้ว แก้วใสเป็นคนเดียวที่เขาคิดอยากอยู่ด้วยใกล้ๆ
“แกว... เขาเดินมาหาเธอ...” มันคงไม่มีสิ่งใหน ดีไปกว่า พูดตรงๆ เขาคิด
เธอเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร ที่เขาตรวจคนไข้ไปทั้งหมดวันนี้ ซึ่งเธอต้อง ลงในโปรแกรม เพื่อลิ้งค์ส่ง ออฟฟิช ใหญ่
“คะ” เธอยิ้มหวาน เมื่อเห็นเขา และยิ้มนั้น สายตาที่บริสุทธิ์นั่น ทำให้เขาอยาก กอด เธอเหลือเกิน แต่ไม่เคยเลย.. ยังไม่เคยที่จะกอดแก้วใส... นั่นสิ ... คาสโนว่าแบบเขา ไม่เคยจะออกลายกับเธอเลย... คิดแล้วก็เขินตัวเองนัก เมื่อต้องมาตกหลุมรัก เด็กในออฟฟิชตัวเอง
“ผมว่า... แกวมีเรื่องจะคุยกับผมนะครับ” หมอเป็นผู้ใหญ่เสมอ แก้วใสรู้ดี และเขาใจดี กับคนทุกคน ไม่เว้นเธออยู่แล้ว... แม้เขาจะวีน กับเธอ แต่จริงๆ แล้ว เขาก็นุ่มนวลตามสไตล์หมอ
เธอวางมือจากเครื่องคอมพิวเตอร์
“คุณยังไม่พร้อมเรื่องผม ใช่มั๊ยแก้วใส”..... เขาถามตรงๆ และกล้าๆ กลัวๆ กับคำตอบ
เธอตกใจเล็กๆ ทั้งๆ ที่เตรียมใจระดับหนึ่งแล้ว
“เพราะเขาคนนั้นใช่มั๊ย แกว”
เธอพยักหน้าแทนคำตอบ....
“ผมยังมีหวังอยู่หรือเปล่า “ เขาถามต่อ... “ผมจะรอ... เพราะใจผมคงเปลี่ยนยากแล้วแหละ”
ผมยิ้มให้เธอเศร้าๆ ก่อนจะเดินออกไปนั่งที่โต๊ะเดิมของเค้า...
เธอเดินไปชงกาแฟให้เขา.... และวางถ้วยกาแฟ ใกล้ๆ เขา อย่างเบามือ
“ ขอบคุณครับ” เขายิ้ม ให้ สายตามีความสุข มันอบอุ่นที่สุด... แม้เขาจะอยู่ในสถานะใหนก็ตาม เขามีความสุขเมื่อมีเธออยู่ใกล้ๆ เธอเองก็มีความสุขเช่นกัน เพราะหมอเป็นคนที่น่ารักในสายตาเธอเสมอ
..........................................................................................
อีวานร์ นั่งจิบเบียร์ มองพอล เดินตามก้นแก้วใส ต้อยๆ ไม่ว่าเธอจะเดินไปใหน เปิดตู้ไมโครเวฟ
หยิบจาน ทำอาหาร... พอลไม่ห่างเธอ
นั่นทำให้ อีวานร์ หงุดหงิดและหมั่นไส้ ...กลายเป็นว่า ใครๆ ก็มารุ่มที่แก้วใส คนเดียว
“หมอรูปหล่อ นาวีหนุ่มหล่อ ...นักบิน...เฮ้อ บีซี่ เกิร์ล” เขาบ่นเบาๆ ก่อนเบือนหน้าหนีไปที่ใหน เมื่อเห็นเขา สองคนหัวเราะต่อกันสนุกสนาน
เจ็บลึกๆ
นึกถึงความฝันที่ตามมาหลอกตลอดเวลา... ฝันที่ได้จูบเธอ และจูบนั่นมันช่างอบอุ่น เร้ารอ้น เขาเผลอตัว สัมผัสริมฝีปากตัวเองเบาๆ ฝันดีจริงๆ มันช่างสมจริงที่สุด เขาอยากให้มันเป็นเรื่องจริง.... ใจเขาคิด
“อ่ะ ทานได้แล้วนะคะ.... ยำซีฟู๊ด ค่ะ อร่อย “ ทุกคนรู้จักเมนูนี้ดี เพราะเธอทำบ่อย และทุกคนก็ชอบกินบ่อย... สเปียร์ตามมาสมทบ พร้อมหนังสือเล่มหนึ่ง
“อื้ม... หนังสือเรื่องนี้ดีมากนะแกว... ทำใมเธอไม่เคยให้ฉันอ่านเลยล่ะ..” เธอจิ้ม กุ้งเข้าปาก แล้วซี๊ดดดด “อืมมมม “ เธอทำเสียง อีวานร์มองเธออย่างจับผิด เพราะ ทำใมอยู่ดีๆ พอลก็กลายมาเป็นจีบแก้วใสซะงั้น
แต่ไม่มีอะไรพิรุธเลย พวกเขายังคง หัวเราะ สนุกสนาน และ สเปียร์กับ พอลก็เล่นกัน เหมือนเพื่อนสนิท...
กินไป คุยไป แซวกันไป
ส่วนมาก ไม่ว่า ขึ้นไปเรื่องใหน ก็จะมาลงท้ายที่แก้วใส และ เรื่องความรัก เสมอ...
“เชอะ” เขา เซ็งๆ แต่ไม่กล้าแม้แต่จะกล่าวอะไรออกมา อยากขอตัวกลับก่อน แต่ก็ทำไม่ได้
ได้แต่ กระดกเบียร์เข้าปากอย่างไม่สบอารมณ์
“แกว รู้มั๊ยว่า ผู้หญิงควรแต่งงานเมื่อไหร่” พอลถาม
“อืมมมม น่าจะ ค้นพบผู้ชายที่ดีที่สุดมั๊ง ทำใมเหรอคะ” เธอเอียงหน้ามา สบตาพอล
“คือว่า...ผม ... เอ่อ..” พอลตะกุกตะกัก และต้องหยุด เมื่อ อีวานร์ ตบยุง เสียงดังสนั่น...ทั้งๆที่ไม่มียุ่งสักกะตัว
“ซอ รี่” อีวานร์ กล่าวขอโทษ เขายอมรับว่า กลัวทำพูดที่พอลกำลังจะพูดออกไป
%%%%%%%%%%%ขอ อีกตอนนะคะ มันยาวไป %%%%%%%%%%
http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/12/blog-post_27.html ตอน จบ
http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/12/blog-post_27.html ตอน จบ