12/30/2010

จากใจ ชายแปลงเพศคนหนึ่ง ตอนจบ

เมื่อมาอยู่พัทยา โทมัสเที่ยวกระจาย อัพยา ปาร์ตี้กลุ่ม สนุกสนาน เขาเองไม่ได้สนใจที่จะรักษาตัวเองเท่าไหร่ เพราะเขาบอกให้ฉันหยุดบ่น เขาอยากขึ้นสวรรค์ก่อนตาย ไม่ใช่ตายแล้วไปขึ้นสวรรค์ เพราะเขาไม่แน่ใจว่า เขาจะได้ขึ้นสวรรค์หลังจากตายไปแล้วหรือเปล่า...  
เพื่อนนอน ทั้งเกย์ ทั้งหญิงบาร์ หญิงไม่บาร์ โทมัส จัดให้เรียบ ฉันเองไม่มีอำนาจอะไรไปกะเกณฑ์มากนัก
   แต่อารมร์ของฉัน ณ ตอนนั้น ทำได้เพียงเล่นยา ให้สุขไปวันๆ
ยอมรับว่า โทมัสใจป้ำ หน้าเบิ้ม กระเทยไทย หญิงไทยทั้งหลาย ต่างพากัน วิ่งกรูหาคนหว่านเงิน
แบบโทมัสกันกระเจิง มาตบกันหน้าบ้านและในบ้านก็บ่อยไป แต่โทมัสไม่เคยจะเคลียร์  ฉันเองบางครั้งไม่เห็นหน้าโทมัสเป็นอาทิตย์ ทั้งๆ ที่อยู่บ้านเดียวกัน
เพียงแค่สองเดือนกว่า โทมัสก็ขอลากลับบ้าน...
“ฉันคงไม่ได้กลับมาหาเธออีกแล้วนะชา ตลอดไปแล้วนะ” ใช่ โทมัสรักฉัน  และโทมัสร้องไห้ แต่แค่เศษเสี้ยวนาทีเขาก็ปาดน้ำตาทิ้ง และสนุกสนานร่าเริงเหมือนเดิม... นั่นเป็นคำลาสุดท้าย..จากโทมัสคำลาในเมืองไทย  ฉันรู้แล้วว่า โทมัสจะอยู่อีกไม่นาน เขาต้องการกลับไปตายที่บ้าน และเขาขอให้ฉันใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุข
ฉันไปส่งโทมัสที่สนามบิน เราจากกันด้วยน้ำตา...ใครที่ผ่านไปมาคงคิดว่าเรารักกันปานจะกลืนกิน แต่หารู้ไม่ว่า ในการร้องไห้นี้     นั่นเพราะเราต้องจากกันชั่วชีวิต...
เราคุยกันทุกวัน ตลอดสามอาทิตย์ทางโทรศัพท์ และวันสุดท้ายที่ได้คุยกับโทมัส คือวันที่เขาโทรมาบอกว่า
“ชา..ผมเสียใจที่ไม่สามารถดูแลคุณจนถึงวันสุดท้ายของคุณได้..แต่ผมดีใจที่ผมได้รักคุณจนวันสุดท้ายของผม”  ประโยคนี้ฉันร้องไห้ และจดจำไปจนวันสุดท้ายของชีวิตฉันเช่นกัน
แล้วจากนั้น ฉันติดต่อไปอีก เขาก็ไปอยู่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว และเขานอนอยู่อีก สี่วันเขาก็จากฉันไปจริงๆ ฉันคิดถึงเขามาก จากวันที่เขาตาย ฉันแทบจะไม่กินอาหารเลย นอกจาก อัพยา สูบหรี่ ไม่อาบน้ำเป็นสองสามวัน... ใจฉันรอวันตายก็ว่าได้
ช่วงสองเดือนกว่าที่โทมัสอยู่พัทยานั่น ไม่มีใครรู้ว่าเราติดเชื้อ หากแต่มีอีกเป็นร้อยๆ ที่รับเชื้อจากโทมัสไป นั่นเป็นความล้มเหลวของเราสองคน และเป็นความล้มเหลวของสังคมที่วิ่งหา ไขว่คว้าแค่เพียงวัตถุที่โทมัสโปรยลงพื้นนั่น...
ดั่งเช่นคืนนั้น ....โทมัส เล่นยา...เขาวิ่งออกมาที่ห้องนั่งเล่น และในมือถือเงิน ห้าร้อย ปึกหนึ่ง ราวๆ สองหมื่นบาทได้ เขาเล่นเกมส์ โปรยมันลงมา ให้ มนุษย์คนไทยชีเปลือยทั้งหลาย  สิบกว่าคน คลานมาแย่งเก็บเงิน ที่หล่นลงพื้นนั่น ในขณะที่โทมัส เปลือยกาย ยืนสูบบุหรี่ หัวเราะร่วน บนโต๊ะมุมห้องนั่น... ใช่สิ ทุกคนเมา..
มันเป็นภาพที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน... เหมือนโปรตวิ่งเก็บส่วนบุญก็ไม่ปาน...
น้องสาวฉันมารับไปอยู่บ้านเธอ... แน่นอนไม่มีใครรู้ในช่วงนั้นว่าฉันรับเชื้อ... ฉันบอกน้องสาวว่า ฉันต้องแยกภาชนะการกินทุกอย่างนะ เพราะฉันกินเจ.... อยู่ได้เพียงสองอาทิตย์ฉันก็ขอให้น้องมาส่งให้อยู่ที่พัทยาอีก เพราะฉันต้องเล่นยา... ตอนนั้นฉันติดและหลอนมาก
วันนั้นฉันวิ่งหนีไปที่โรงพัก บอกตำรวจว่ามีคนตามมาทำร้ายฉัน ....แต่นั่นมันเป็นจินตนาการของฉันแค่นั้นเอง มันคงไม่มีใครจะมาฆ่าฉันหรอก... กว่าฉันจะรู้ว่าฉันคิดไปเอง เขาก็จับฉันเข้าไปสงบใจในห้องขังเรียบร้อยแล้ว... ใช่  น้องสาวฉันมารับ...
จากนั้น ฉันก็ได้กลับบ้านร้อยเอ็ด...แม่ฉันและพี่สาวก็พาไป “ออกยา” ที่ขอนแก่น การออกยาคือ การรักษาคนที่ติดยาเสพติด...มันเป็นเหตุการณ์ที่ฉันจำได้ ไม่ลืม มันน่ากลัวและทรมานเหมือนมัจจุราช มาพรากเขาจิตวิญญานของคุณให้ออกจากร่างไป... ฉันกรีดร้องโหยหวนทุกค่ำคืน บางวันตลอดวัน... เป็นความเจ็บปวดของร่างกายที่ได้รับ...ไม่คิดว่า การออกยาจะเจ็บปวดทรมานได้ถึงเพียงนี้
จากนั้นอีกหนึ่งเดือนฉันก็ดีขึ้น...แต่ใครหลายคนก็คิดว่าฉันบ้า... ฉันก็รู้สึกว่า บางครั้งนี่หลงๆ ลืมๆ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉันเดินไปตลาด... และฉันก็กลับบ้านไม่ได้ เพราะหาทางกลับบ้านไม่เจอ จนมืดค่ำ ฉันยังคงนั่งอยู่ที่เดิม จนมอร์เตอร์ไซด์มาถามว่า ทำใมนั่งที่นี่นานแล้ว มาสิ จะไปส่งบ้าน
ฉันไม่รู้ว่าเขารู้จักบ้านฉันได้อย่างไร..แต่ฉันก็ถึงบ้าน แม่วิ่งมาหา พร้อมร้องไห้ ฉันก็ร้องไห้ แต่ไม่รู้ว่าร้องทำใม รู้แต่ว่าร้องไห้เหมือนแม่...
วันรุ่งขึ้น พี่สาวพาไปเต้นแอร์โรบิค... ใช่ ฉันชอบนะ ก็ฉันเป็นครูสอนเต้นนี่นา...
และวันนั้น...คนมารอเต้น เพลงก็เปิด แต่ครูไม่มา... ฉันจึงขึ้นไปบนเวที... และนำเต้น ..จนกระทั่งครูสอนเต้นมา ฉันจึงลงไปเต้นด้านล่าง..หลายคนงง... ใช่ฉันก็งง
พี่สาวฉันกลับไปเล่าให้แม่ฟัง...ต่างพากันขำกันใหญ่ที่ฉันขึ้นไปนำเต้น... ไม่รู้ขำทำใม
(ที่ขำเพราะคนบ้า ขึ้นนำคนไม่บ้าเต้น)
ห้าวันก่อนที่ฉันจาก... แม่มาอยู่เป็นเพื่อนที่โรงพยาบาล..ทุกวัน.. ป้อนข้าวฉันกอดฉัน
เวลาที่ฉันหนาวแม่ก็ลุกมากอดให้ความสุขกับฉัน... แม่ฉันร้องไห้ตลอดห้าวันนั้น...
ฉันไม่รู้ว่าแม่ร้องทำใม...เพราะฉันก็แค่นอนรอเวลา ฉันไม่เศร้าเลยแม้แต่น้อย มีแต่คุยสนุกๆ กับทุกคน..
โดยเฉพาะผู้ชายคนที่ฉันรัก... 
(ผู้เขียน....ในช่วงห้าวันนี้คุณชา เธอละเมอตลอดเวลา ร้องหาโทมัส...หัวเราะคนเดียว แต่เหมือนคุยโต้ตอบกับบางคน และนั่นก็คือ โทมัส..คุณชาละเมอคุยกับโทมัส จนกระทั่ง วันสุดท้ายที่หมดลมในอ้อมกอดแม่)
นี่เป็นเรื่องราว เรื่องจริงทุกตอนที่เธอเล่าจากปากเธอก่อนที่สติเธอจะไม่สมบูรณ์ ...ฉันรักเธอเสมอคุณชา..พี่สาวที่แสนดีของฉัน...
ขอให้สู่สุขคติ...ลี
.....................................................................................................................................

เรื่องจริงที่เป็นคติสอนใจหญิงไทยเมื่อแต่งงานกับฝรั่ง เชิญตามคลิกค่ะ
http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/12/blog-post_11.html

เสียงที่กรีดร้องโหยหวนนั่น ทำเอาฉันขนลุกขนพอง  ยิ่งเวลามืดสนิทแบบนี้ด้วย  แต่ฉันก็ยังเกาะประตูโผล่หน้าอยู่ด้านหลังแม่เสี่ยวของแม่ฉัน ทั้งกลัวทั้งอยากเห็น  >>>>>>