12/21/2010

..รักกุ๊กกิ๊ก...เกาะตาฮิติ



พล็อตเรื่อง
พระเอกปากหมา หน้าดุ...ได้รับฉายาว่า ไอ้เสือหน้าหยก ที่มีแฟนสวย หลังจากลาออกจากราชการทหารก็กลายมาเป็นนักบินฝึกหัด ของสายการบินแอร์ตาฮิติ และไปฝึกบินโปรแกรม ซิมมูเลชั่น ของการบินไทย เป็นเวลา สามเดือนที่เมืองไทย... และที่ฮ่องกงอีก สามเดือน
นางเอก สาวไทย ขี้เหร่ บ้านนอก แต่เย่อหยิ่งในสายตาของพระเอก เป็นนักกายภาพบำบัด
ทั้งสองเจอกัน ในเที่ยวบินเดียวกัน ที่กรุงเทพฯ- ญี่ปุ่น และต้องกัดกันต้องแต่วันแรก ที่เจอ
นางเอกหลงรักเจ้านาย คาสโนว่า ส่วนพระเอก สุดปลื้มกับสาวฝรั่งเศสในแฟชั่นไอโซ แต่ก็ต้องถูกสาวสะบัดทิ้งเหมือนสะบัดรองเท้า...
คืนนั้น...พระเอกกลับจากไฟล์ทผู้ช่วยนักบิน ที่นิวซีแลนด์ กลับมาเจอโน๊ตแฟนสาว ทิ้งไว้ดูต่างหน้า ก่อนที่จะ หอบหิ้วข้าวของ ออกไปพบรักใหม่ กับหนุ่มวิศวะกรไฟฟ้า รูปหล่อ
แล้วคืนนั้นที่พระเอกอกหัก และออกไปดื่ม ที่บาร์เพื่อนซี้ เจอสาวขี้เหร่นั่งหันหลังคุยอยู่กับเจ้าของบาร์เพื่อนชี๊ของเขา ที่หน้าเค้าเตอร์นั่น เค้าเห็นเธอในชุดสีดำเปิดหลัง เสื้อด้านในสีดำ สายไขว์นั่น เผยให้เห็นแผ่นหลังที่สวยเซ็กซี่... ทำให้พระเอกคิดว่า นางเอก ออกมานั่งอ่อยเหยื่อ เหมือนกับสาวพัทยาที่เค้าเคยเจอ...ที่เมืองไทย
เกิดการปะทะกัน...เพราะไอ้เสือดันเมาและพูดจาดูถูกสาวไทย... ทำให้นางเอกสุดทน ฟาดหน้าพระเอก กะฝากรอยนิ้วทั้งห้า...  พระเอก ใช้สองมือ บีบลำคอ ระหงนั่น และเปลี่ยนใจมาจูบเธอ แบบไม่ทันตั้งตัว..
เธอตบเข้าที่รอยนิ้วที่เดิมตะกี๊...แต่พระเอกเหมือนไม่รู้สึกตัวแล้ว รู้แต่ว่า รสจูบเมื่อกี๊มันช่างหอมละมุน จนอยากที่จะลิ้มลองอีกสักครั้ง... 
นางเอกเห็นว่า ไอ้เสือหน้าหยก เมาไม่รู้เรื่อง กะเดินหนี แต่เค้าคว้า ตัวเธอเข้าไปกอดแนบแน่น และพูดที่ข้างหู เธอว่า
“เจอ เต็ม “ ฉันรักเธอ ... ทำเอานางเอก ตกใจ และช็อคกับประโยคนั้น...
..........................................................ติดตามในเนื้อเรื่องค่ะ........................................................

ตอนนี้เวลา เที่ยงคืนกว่าแล้ว... แก้วใสเข้ามานั่งรอในเกท อีก ไม่กี่นาทีเที่ยวบินกรุงเทพ-ญี่ปุ่น จะออกแล้ว
เธอต้องไปต่อเครื่องที่สนามบินนาริตะ เพื่อที่จะบินต่อไปที่ตาฮิติ ที่เกาะ รายาทายา เพราะเธอทำงานที่โน่น
นี่เป็นการกลับเมืองไทยในรอบ สองปีของเธอ อาจเป็นเพราะว่า ตาฮิตินั้นไกลจากกรุงเทพฯ อีกทั้งค่าตั๋วเครื่องบินก็แพงอีกต่างหาก... ทำให้เธอต้องอดทนรอคอยในการกลับบ้านในแต่ละครั้ง...
เจ้าหน้าที่สายการบินประกาศเรียกผู้โดยสารแล้ว
เธอหันมองสนามบินสุวรรณภูมิอีกครั้งก่อนที่จะเดินเข้างวงช้างนั่น.... เธอรู้สึกเศร้า...ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ใหนถึงจะได้กลับเมืองไทยอีก
สายตามองหาที่นั่งตามแถวในตั๋ว แต่แล้วโทรศัพธ์มือถือก็ดังขึ้น... เธอยิ้มเพราะรู้ว่าใครจะโทรมา.. เพราะไงเค้าก็ต้องโทรมากก่อนที่เธอจะปิดเครื่อง..
“ค่ะ...ตอนนี้เดินอยู่ในเครื่องแล้ว”  เธอบอกไปพร้อม อีกมือ ถือกระเป๋าโน๊ตบุ๊ค
“เดินทางปลอดภัยนะ” ปลายสายทิ้งเสียงมา
“ขอบคุณค่ะ...ดูแลตัวเอง และ...” เธอเว้นวรรคนิดหน่อย  “และครอบครัวดีๆ ล่ะ”
“จ้า... ตัวเองก็เหมือนกันแหละ..เทคแคร์นะ...รักเสมอนะ” เค้าบอกเธอ  นั่นทำให้เธอยิ้มออกมา และหัวเราะ เมื่อเค้า ยืนยัน ว่า “จริงๆ ยังรักตลอด”
“อื่ม... เข้าใจ” เธอบอกเค้า แม้ว่าเค้ากับเธอจะรักกันมานานหลายปี... และแม้ว่า เค้าจะไปแต่งงานกับคนอื่น แต่เธอก็เข้าใจในเหตุผลนั้นอย่างดี และเธอกับเค้าก็จากกันด้วยดี มีเพียงความห่วงใย ฉันมิตร ที่ยังเหลืออยู่ อีกทั้งเหตุการณ์ นั้นมันผ่านไปเนิ่นนานแล้ว และนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เธอต้องการไปทำงานที่ตาฮิติ ซึ่งเป็นเกาะที่ไกลแสนไกล
เธอมองหาที่นั่งเจอแล้ว..แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งตรงริมทางเดิน ซึ่งเธอจะต้องเบียดเข้าไป นั่งริมหน้าต่าง และผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ ลุกเพื่อหลีกเธอ แต่เธอกะเบี่ยงตัวให้แก้วใส มุดเข้าไป... แก้วใสเห็นว่าไม่สะดวก เธอจึง หลบไปอีกแถวด้านหลังของเก้าอี้นั้นก่อน เพื่อจะได้วางกระเป๋า และระหว่างรอให้ยกกระเป๋าวางที่เคเบิ้ล เธอก็คุยโทรศัพท์ ไปด้วย
“เฮ้ ยู.... ฉันไม่สามารถเข้าไปนั่งได้นะ หากยูจะอยู่ตรงนี้”  เธอคนนั้น  สวย หุ่นดี เอ่ยออกมาแบบยิ้มๆ
“อุ๊ปปป  ขอโทษค่ะ ไม่คิดว่า เจ้าของที่นั่งตรงนี้จะตามมาติดๆเลย”  แก้วใสกล่าวออกไป เพราะเธอได้มายืนเบี่ยงหลบอยู่ในเก้าอี้ด้านหลังแถวที่นั่ง และมีสาวสวยผู้นี้เป็นเจ้าของพอดี นั่นเอง
เธอคนนั้นยิ้มสวยกลับมา และทำหน้าไม่เป็นไร แก้วใสกล่าวขอโทษอีกครั้ง และมองเลยเธอไปด้านหลังเห็น ผู้ชายข้างหลังเธอ..ทำหน้ายังกะจะโดดกัดหัวแก้วใส หน้ายังกะเสือ สายตายังกะจะเผาเธอ ให้มอดไหม้ เธอรีบย้ายตูด หนีทันที
“คุยโทรศัพท์ แต่ทำให้คนอื่นต้องเสียเวลา” แก้วใสได้ยินเขาพูดชัดเจน  และแฟนสาวของเขาก็ตอบว่า ไม่เป็นไรที่รัก
เมื่อวางสัมภาระกันแล้ว เค้าคนนั้นยืนอยู่ ในขณะที่ คนอื่นๆ ก็เริ่มจะนั่งลงกันแล้ว
แก้วใสหันไปมอง กะว่าจะเอ่ยขอโทษอีกครั้ง และนั่นทำให้แก้วใสเห็นเค้าตัวสูง เพรียว เสื้อไหมพรหมแบบขนมิ้งสีเขียวปนดำ นั้น เข้ารูปทำให้ร่างสูงนั้นน่ามอง เค้าหล่อเลยระ...
“คนทั้งแถวต้องเสียเวลา มารอเธอคุยโทรศัพธ์” เค้าบ่นไป และ เก็บของใส่กระเป๋าไป และหางตาก็ชำเลืองมาที่แก้วใส
“เอ่อ... ขอโทษนะคะ คุณ ฉันไม่คิดว่าคุณจะเป็นเจ้าของที่นั่งตรงนั้น เพราะฉันก็ยังไม่ได้ เอากระเป๋าเข้าประจำที่น่ะค่ะ”
เธอพยายามโผล่หัวอธิบาย... แต่เค้าก็เพียงแค่ชายตามา ถลึงตาใส่แก้วใส..เธอต้องหดหัวกลับมา เพราะกลัวโดนกัดหัว
อีตาบ้าเอ๊ย...คนอะไรดุชิบบบเป๋งงง เธอบ่นออกมา และนั่นทำให้ ผู้โดยสารข้างเธอหันมายิ้ม และกล่าวขอโทษเธอ ที่ไม่ได้ลุกขึ้นให้เธอเข้ามานั่งด้านในตั้งแต่ตอนแรก

เมื่อถึงสนามบินนาริตะ เธอก็ไปเช็คอิน ออกตั๋ว กับสายการบิน แอร์ ตาฮิติ...
“ได้เวลาประตูนรกเปิด” เธอพูดกับตัวเอง เมื่อรับตั๋วจากเค้าเตอร์ของสายการบิน...
ก็สายการบินนี้ ห่วยจะตาย...นอกจาก ที่นั่งจะแคบและ เครื่องบินจะเก่าแล้ว  ก็ยังไม่มีทีวีส่วนตัว อาหารก็ไม่อร่อย
เจ้าหน้าที่บริการบนเครื่องก็ บริหารไม่ดี เหมือนถูกบังคับให้มาทำงาน...แถมต้องบิน 12 ชั่วโมง... นั่นแระ “นรก”
เธอเข้านั่งประจำที่ หลังจากที่เค้าเปิดประตูต้อนให้ผู้โดยสารเข้าไป...
และเธอก็นั่งริมทางเดิน...  อีกสองที่ริมหน้าต่าง เว้นไว้...
สักครู่ก็มีชายหญิงเดินเข้ามา..โดยที่เธอก็ไม่ได้สนใจจะมอง เพราะมอง หิมะที่โปรยปรายเล็กน้อย ข้างนอกหน้าต่างนั่น
เธอขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงว่า เจ้าของที่มาถึงแล้ว และเอ่ยขอโทษ
และเมื่อเธอหันไปมอง... ไอ้เสือหน้าหยก กับแฟนสาวไฮโซนั่น... บ้าเอ๊ยยย เธอคิดในใจ  อะไรมันจะบังเอิญปานนั้นล่ะ
พึ่งจะทะเลาะกันหยกๆ  ยังจะไปที่เดียวกันอีก...ดูสิ
นรก คูณสอง...
เมื่อเวลาอาหารมาถึง แก้วใสก็กินๆ และ กิน กะให้อิ่มๆ และ ซัดไวน์แดงไปสองแก้ว กะนอนเต็มที่
แต่ก็ไม่วายจะได้ยินเสียง บ่น ว่า ยังจะมาเจอยัยคนนี้อีก... แฟนเค้าต้องสะกิดบ่อยๆ แก้วใสทำเป็นไม่ได้ยิน
และบางทีแกล้งนอนหลับเมื่อเค้าบอกแฟนสาวว่า ต้องการไปห้องน้ำ และแก้วใสก็แกล้งหลับ ปลุกไม่ตื่น ขวางทางเค้าซะงั้น... จนเค้าต้อง จับแขนเธอเขย่า เพราะเริ่มกลั้นไม่ไหว
เธอได้แต่ยิ้มอย่างผู้ชนะในใจ... เล็กน้อยก็ยังดีที่ได้แกล้งล่ะฟวะ... ฮ่าๆ
เมือ่ถึงสนามบิน พาเพ็ทตี ที่ตาฮิติ เธอต้องเข้าพักโรงแรม ที่ห่างจากสนามบิน ขึ้นไปบนเขานั่น แก้วใส มาพักที่นี่ สามครั้งแล้ว และต้องเหนื่อยจากการลากกระเป๋าขึ้นเนินนั่น และไอ้หมาปากเปราะ ตัวนั้น หลังกำแพงสูงนั่น มันจะต้องรบกับเธอและผู้คนที่ผ่านไปมาตลอดแบบนี้ทุกครั้งแระ  
สนามบินตาฮิติ มองจากโรงแรม
 ณ เวลาแบบนี้ ไม่มีเที่ยวบินกลับไปเกาะของเธอ จึงต้องค้างที่โรงแกรมนี้หนึ่งคืนเพื่อ ที่จะจับเที่ยวบินไปต่อพรุ่งนี้สายๆ
........................................................................................................................
เมื่อมาถึงก็ต้องเริ่มงานทันที เพราะลางานไป หนึ่งเดือนเต็ม ไม่รู้เจ้านายจะ หน้าบูดแค่ใหน
ที่คลีนิคแห่งนี้แก้วใส มาช่วยงานเจ้านายหนุ่ม(เกือบใหญ่) เพราะเค้าขอตัวเธอมา เนื่องจาก เธอเป็น เทอราปิ๊ช นักกายภาพบำบัดร่างกายสำหรับผู้ป่วยที่กล้ามเนื้ออ่อนแรง และทั้งเพื่อนเธอที่เป็นพยาบาลอิสระ
กับเจ้านายเจ้าอารมณ์คนนี้ต่างก็ช่วยเหลือจนเธอได้ทำงานแห่งนี้ โดยที่ภาษาฝรั่งเศสก็ไม่ได้เก่งเกจอะไร ซึ่งก็มีคนที่เก่งกว่าเธอเยอะแยะ แต่ก็ไม่สามารถทำงานได้
เกาะราญาทายานี้ เป็นหนึ่งในเกาะของประเทศ ตาฮิติ หรือชื่อใหม่ คือ เฟร้นช์ โพลีนีเซีย ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสมา มากกว่า  230 ปีแล้ว
หมู่เกาะที่นี่อยู่ทางแปซิฟิกใต้ ห่างจาก นิวซีแลนด์ หก ชั่วโมงบิน และห่างจาก ญี่ปุ่น 12 ชั่วโมงบิน
หมู่เกาะตาฮิติ
เกาะทาฮ่า หนึ่งในเกาะประเทศ เฟร้นช์โพลีนีเซีย หรือ ตาฮิตินั่นเอง
เกาะราญาทายา
เกาะที่นี่ขึ้นชื่อว่าสวยติดอันดับโลก (ก็มันไกลอ่ะ คนมาไม่ถึง จึงเกิดการทำลายล้างน้อยกว่าเกาะที่อื่น)  หลายคนคงรู้จัก เกาะโบราโบร่า ซึ่งโด่งดังในเมืองไทย
แต่โบรา นั้นก็เป็นเพียงเกาะหนึ่งที่ไม่ได้สวยที่สุดของตาฮิติ แต่เป็นเกาะที่แพงที่สุด เพราะเกาะนี้เอาไว้เชือดนักท่องเที่ยวนั่นเอง
คืนนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับ หมอฝึกหัดคนใหม่ ที่ขอมาประจำเกาะ และเลี้ยงส่ง หมอฝึกหัด ที่ผ่านชั่วโมง ฝึกหัด และต้องกลับไปทำงานที่ปารีส
แก้วใสและเพื่อนบัดดี้ หรือ สเปียร์  เป็นสาวลูกครึ่ง ตาฮิติกับฝรั่งเศส เธอจึงมีเลือดผสม ที่ผิวสองสีนั้น โดดเด่นขึ้นมา
แต่แก้วใสมักจะเรียกเพื่อนสาว ว่า บริ๊ตนี่ เพราะเพื่อนเธอนั้น แฟชั่นจ๋า เปรี๊ยวจี๊ด คบหนุ่มคนใหนเกินสองเดือน ถือว่า ผิดปกติ สำหรับสเปียร์  และบ่อยครั้งที่หนุ่มๆ ต่างอยากมาประลองฝีมือ เพื่อพิสูจน์ว่า เค้าจะสามารถผ่านสองเดือนกับ สเปียร์ไปได้หรือเปล่า
คืนนี้ผู้คนไม่คักคึกมากนัก แต่ก็ถือเป็นคืนพิเศษสำหรับเกาะเล็กๆ แห่งนี้  แขกน่าจะ ห้าสิบคนได้ แก้วใสกะด้วยสายตา
เมื่อไปถึงสายตาเธอก็ไปปะทะ กับแววตาดุเดือดนั่น ที่จ้องมองเธออยู่ก่อนแล้วนั่น...
อ๊ะ..ไอ้เสือหน้าหยกนั่น... มาเจอแกอีกแล้วนะ...
มารู้ตอนหลังว่า  เค้าชื่อแอลวานร์ เป็นนักบินฝึกหัด ของสายการบินประเทศนี้ ก่อนหน้านั้นเป็นทหาร และแฟนสาวไฮโซของเขา นั่นคือ หมอฝึกหัดคนใหม่ ที่จะมาประจำการที่นี่นั่นเอง  
“ซวยล่ะ”.... แก้วใสบ่นพลึมพลับ... “ปาร์โด้ง... (อะไรนะ)”  หมอฟอร์ทแฟนสาวของไอ้เสือ  ถามเธอหลังจากแนะนำตัวเองและ หมอฟอร์ทก็ได้ยินไม่ถนัด หรือไม่เข้าใจภาษาไทยด้วยล่ะ
ก็ที่ซวยเพราะ เธอจะต้องร่วมงานกับ แฟนสาวของไอ้หมอนี่... เหรอเนี่ย.... กรรมจริงๆ
......................................................................................................................................................
เธอเดินเลี่ยง ออกไปดูฝูงปลาใน น้ำใสๆ ตรงระเบียงนั่น  น้ำทะเลที่นี่ใสจริงๆ มองแทบจะเห็นลึกไปถึงก้นทะเลเลยก็ว่าได้ (เว่อร์ป่ะ)
ในมือถือแก้วไวน์ 
“คนไทยสามารถมาอยู่เกาะแถบนี้ได้ด้วยเหรอเนี่ย” เสียงใครบางคนทำลายความเงียบ
“ไอ้บ้าเอ๊ยยยย คนไทยก็ไปอยู่ที่ใหนทั่วโลกได้ทั้งนั้นแหละ”  พูดในใจ...
 “อ้าว หูหนวก อีกซะด้วย... นี่ถ้าไม่ได้เจ้านาย คาสโนว่านั่น ดูแลเป็นพิเศษ เธอคงจะไม่ได้ทำงานนี้ซินะ เพราะหูหนวกด้วยนี่”
เค้าทำหน้าตา มีเลศนัย...กับประโยคที่เน้น ว่า “ดูแลเป็นพิเศษ”
“คุณจะพูดอะไร กันแน่” เธอหันไปมองเค้าตรงๆ  ซึ่งเค้าก็เดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ เธอ เพียงแค่ไม่ถึงคืบ จนเธอต้องเอนตัวห่างออกไป
“อ้าว หูไม่ได้หนวกนี่”
“ไอ้บ้านี่”   เธอพูดเป็นภาษาไทย
“หา ไม่ได้บ้าซะหน่อย ก็เห็นถามแล้วไม่ตอบนี่นา”  เข้าใจ คำว่าไอ้บ้า ซะด้วย ใครนะสอนมา คงเป็นเพราะไปอยู่ไทยหลายเดือนล่ะมั๊ง
“อย่าทำตัว รักเกียจผม ไปหน่อยเลย.... ผู้หญิงไทย บ้านคุณน่ะ มีแต่อ้าแขนต้อนรับผมทั้งนั้นแหละ” เค้าทำมืออ้าแขนออก
“แหวะ”...พูดเสร็จ... หล่อนก็เดินหนีไป  มันจะดูถูกผู้หญิงไทยอะไรปานนั้น หล่อซะเปล่า... เสียของจริงๆ  ได้ยินเสียงหัวเราะ ตามมาหลอกหลอน คล้ายสายลม   ทำใมต้องมาเจอแกด้วยฟวะ ไอ้บ้า เสือหน้าหยกนี่
..................................................................ติดตามตอนต่อไปค่ะ................................................

http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/12/blog-post_22.html ตอน ต่อไป ค่ะ