ทะเลตาฮิติ,ทาฮ่า ที่น้ำใสแจ๋วแว๋ว
แก้วใสและอีวานร์นั่งรอ อยู่ด้านนอกห้องไอซียูนั่น.... ฝ่ายหญิง ตกใจสมองไคร่ครวญและนึกย้อนกลับไปก่อนที่เธอจะออกจากบ้าน ตอนนั้นสเปียร์กำลังจะเข้านอนแล้ว
และสเปียบอกเธอว่า เธอจะไม่ไปใหน เนื่องจากวันนี้เหนื่อยติดคนไข้มาตลอดบ่ายอีกทั้งพักผ่อนน้อยมาหลายวันแล้ว.. แต่ทำใมร่างของเธอถึงออกมานอนอยู่ตรงนั้น..
ขณะที่ฝ่ายชาย...สับสนวุ่นวายใจ..รู้สึกผิดที่คำพูดของตัวเอง ไปทำร้ายหญิงคนหนึ่งจนร้องไห้ฟูมฟาย เหมือนว่าเขาได้พรากเอาหัวใจและจิตวิญญานออกจากร่างของเธอก็ไม่ปาน.. และอีกใจสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกับสเปีย แต่ไม่กล้าที่จะหลุดคำใดๆ ออกมาเพราะเห็นแก้วใสนั่งเงียบ สงบเสียจนเขารู้สึกถึงความเย็นชานั่น
พอล นาวีหนุ่มพร้อมตำรวจสามนาย มาถึง รพ และสอบถามแก้วใสกับอีวานร์ถึงรายละเอียดตอนที่พบสเปียร์
ตำรวจไปตรวจที่เกิดเหตุบอกว่า เกิดการต่อสู้ในห้องนอน ข้าวของตกแตก และเกลื่อนพื้น ร่องรอยของคนร้ายเข้าทางหน้าต่างในห้องน้ำ
หมอเวร เข้ามารายงานผลให้คนทั้งหมดทราบ ว่าสเปียร์ไม่มีอันตรายอะไร นอกจากจมูกถูกกระแทกและเลือดออก หัวแตกจากการกระแทงด้วยของแข็ง และมือซ้น จากการต่อสู้
ตอนนี้ให้ยาเธอเพื่อพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว และแนะนำให้ตำรวจมาสอบปากคำพรุ่งนี้
เวลาล่วงเลยไป ตีสามกว่าแล้ว...แก้วใสยังไม่เก็บกวาดบ้านเพราะพรุ่งนี้ตำรวจต้องการดูที่เกิดเหตุอีกครั้ง อีวานร์ลังเลที่จะให้แก้วใสอยู่บ้านคนเดียว พอลแนะนำว่า อีวานร์น่าจะอยู่เป็นเพื่อนแก้วใสที่บ้าน
“ไม่ต้องหรอก ฉันอยู่คนเดียวได้” เธอบอกเขาด้วยประโยคที่ห้วน และสมองคิดไปถึงหมอหนุ่มคนที่ทิ้งเธอไว้เมื่อตอนหัวค่ำ เธอสงสารตัวเองและสมเพชตัวเองที่รักเขาโดยไม่ลืมหูลืมตา
ส่วนไอ้เสือหน้าหยก สะอึกกับคำปฏิเสธแข็งกระด้างของเธอ... เขาใจหายวาบเข้าไปถึงท้องน้อย
เธอคงรังเกียจเขาเกินกว่าที่เขาคิด หรืออาจเป็นว่า เธอรังเกียจเขาสะสมเป็นทุนเดิมอยู่แล้วและคืนนี้เธอคงสุดจะทน เพราะร้องไห้ฟูมฟายขนาดนั้น
เขาหันหลังเดินออกไปถึงประตู หันกลับมามองเธออีกครั้ง หญิงสาวไม่แม้แต่จะมองเขาด้วยซ้ำทั้งๆที่เอ่ยคำว่าขอบคุณ
แต่แล้วเขาก็บอกกับเธอว่าขออยู่เป็นเพื่อนเธอจนกว่าพรุ่งนี้เช้าแล้วเขาจะไป...
“แก้วใส ผมขอโทษอีกครั้ง” เขาเดินมาใกล้เธอ
“...ขอโทษทำใม” เธอสงสัย เพราะสมองของเธอไม่ได้คิดถึงเรื่องของเขาเลย ในใจเธอตอนนี้มีแต่เรื่องหมอหนุ่ม ที่ป่านนี้คงระเริงรื่นอยุ่ที่รีสอร์ทในเกาะเล็กโน่น
“ที่ผมกล่าวอะไรไปแบบนั้น” “อ้อ..ไม่ต้องขอโทษหรอก ที่คุณพูดนั่นก็ถูกแล้ว ฉันยอมรับความจริง” แก้วใสบอกเขาเสียงเรียบและแผ่วเบา ตรงประโยคสุดท้าย นั่นทำให้อีวานร์รู้สึกผิดขึ้นมาอีก
“ผมขอนอนที่โซฟา ตรงนั้นก็แล้วกันนะ” เขาชี้มือไปที่ห้องนั่งเล่น
“ตามใจคุณก็แล้วกันค่ะ”.....
เธออาบน้ำเสร็จ เดินถือผ้าเช็ดตัวผืนใหม่มาให้อีวานร์ แต่ตอนนี้เขาหลับไปแล้วเรียบร้อย
เขานอนวางขาที่ยาวเลยไปนอกโซฟาตัวเล็กนั่น เขาคงไม่ถนัด ตัวใหญ่ออกขนาดนั้น
เธอลังเล...ยืนหันหน้าหันหลัง..อยู่ แล้วหันกลับมามองเขาที่หลับตาพริ้มอยู่.... ไอ้เสือหน้าหยกนี่หล่อมาก จมูกโด่ง ขนตายาว ปากที่ได้รูปนั่นดูเซ็กซี่ เธอมองเลยไปที่รูปร่างของเขา...ใช่เขาตัวสูง... รูปร่างที่สมส่วนนั่นยิ่งเพิ่มความหล่อให้เขาขึ้นไปอีก ....
เธอมองย้อนกลับมาที่ใบหน้าเขาอีกครั้ง หากแต่ตอนนี้เขาลืมตาและมองเธออยู่ก่อนแล้ว
ทำให้เธอเขินอายและตกใจเล็กน้อยเพราะเขาคงตื่นทันมาเห็นเธอสำรวจรูปร่างของเขาเป็นแน่
“ฉันแค่เอาผ้าเช็ดตัวมาให้น่ะ เผื่อคุณอยากจะอาบน้ำ...เอ่อออ คือ... “ เธอจนด้วยคำพูดเอาซะดื้อๆ
อีวานร์มองเธออย่างขำๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเธอเขินอาย ดูเธอน่ารัก อ่อนโยน จน..... เขาต้องรีบสะลัดความคิดนั้นออกไปทันที
“เอ่อออ ฉันคิดว่า คุณควรจะเข้าไปนอนที่เตียงนะ เพราะฉันคิดว่า โซฟามันจะหักซะก่อนที่จะถึงพรุ่งนี้ เพราะทันรับน้ำหนักตัวยักษ์ไม่ไหว
เธอเดินหันหลังจากมา.... ไอ้เสือยิ้มร่า... รีบกระโดดตามหลังเธอมาทันที...
“คุณนอนฝั่งนั้น.... เธอสั่ง” แก้วใสไม่ได้เขินอายที่จะนอนร่วมห้องกับผู้ชาย เพราะความที่ใช้ชีวิตในต่างแดนทำให้เธอปรับตัวได้ไม่ยากเรื่องชายกับหญิงที่เท่าเทียมกันของต่างประเทศ
“วี...บอนนุย”(ได้จ้า..ราตรีสวัสดิ์) เขาตอบกลับมาและกระโดดไปที่เตียงอย่างเร็วเพราะกลัวเธอเปลี่ยนใจ
แก้วใสมองกิริยาที่เหมือนเด็กนั้น อย่างขัน เธอเอื้อมมือปิดไฟ... หลับตาลง อยากจะหลับๆ และตื่นมาในวันใหม่พร้อมจิตใจดวงใหม่เสียที... แต่เนิ่นนานกว่าที่เธอจะเผลอหลับไป
.............................................................................................
อีวานร์สะดุ้งตกใจตื่น เมื่อใครบางคนฟาดที่กลางหน้าอกเขาอย่างแรง... แก้วใสนั่นเอง เธอกระหน่ำ ทุบเขาอย่างไม่ยั้ง...
“อะไร อะไร... เกิดอะไรเนี่ย... เป็นบ้าอะไรแม่คุณ” เขาลนลานหนีออกไปนอกเตียง แต่เธอก็ปาหมอนตามมา และกระโจนตามหมอนนั้นมาติดๆ เขาต้องรีบจับข้อมือนั้นเอาไว้
“อะไรกันนี่ “ เขาต้องหมุนตัวกอดเธอจากด้านหลังและล็อคข้อมือนั้นเอาไว้ ก่อนที่เขาจะกลายเป็นผลไม้น่วมเละไปคามือหล่อน
เธอดิ้นในอ้อมกอดนั่น ยิ่งทำให้เขาต้องล็อคเธอหนักกว่าเดิมอีก...จนเธอเริ่มนิ่งและหายใจถี่ยิบ
หัวใจเต้นแรง... เหนื่อยล่ะสิ...
ผมเธอหอม... ผมดำตามสไตล์สาวไทยนั่นมันนุ่มหอมเหลือเกิน ร่างกายเธอบอบบาง ยิ่งตอนที่เขากอดรัดเอาไว้นี่ เหลือตัวนิดเดียวเมื่อเทียบกับตัวเขา... กลิ่นกายเธอหอมละมุน เขาเผลอตัวสูดดมความหอมจากกายเธอย่างไม่รู้ตัว... รู้สึกอบอุ่นแฮะ... มันเป็นความสุขที่เหมือนกอดใครบางคนที่รอคอยมานานแสนนาน...
“ไอ้บ้า” เธอด่าเป็นภาษาไทย ขึ้นมา...ปลุกเขาตื่นจากภวังค์...
“อะไร” เขาถามเป็นภาษาไทย
“คุณมากอดฉันทำใม ตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่ฉวยโอกาสตอนฉันหลับยังงั้นเหรอ คุณนี่มันเลวมากเลยนะ” เธอใส่มาเป็นชุด
“เฮ้ยยยย หยุดเลย..นั่นไม่ใช่ความผิดผมนะ...คุณเองน่ะ ที่ละเมอ กรี๊ดขึ้นมาน่ะ และตกใจอะไรไม่รู้ ผมปลุกขึ้นมา แต่คุณร้องไห้ ผวามากอดผมน่ะ แล้วนี่ผมต้องเสียสละปลอบคุณให้นอนต่อ และหลับฝันดีอบอุ่นจากไออุ่นผมเนี่ย จนถึงเช้า...มันไม่เป็นพระคุณเลยนะ กลับมาทุบตีผมแบบนี้น่ะ... คนไทยเขาขอบคุณกันด้วยวิธีนี้เหรอ แม่คูณณณ “ เขาอธิบายยาวยืด
แก้วใสหยุดคิด.. อ้อ ใช่ คับคล้ายคับคาว่าเธอฝันร้าย... อาจเป็นเพราะว่าผ่านเรื่องร้ายๆ มาตลอดทั้งคืน ทำให้เธอเก็บไปฝันอย่างไม่รู้ตัว... แต่ก็มีใครบางคนที่ให้เธอได้ยึดเหนี่ยว และไออุ่นจากอ้อมอกนั่นทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย...ใช่...เธอฝันร้าย..
“จำได้หรือยังล่ะ แม่คูณณณ” เค้าตะคอกข้างหูเธอ
“โอย..หูจะแตก” เธอเขวไปเรื่องอื่น
“นี่จะปล่อยได้หรือยังล่ะ” เธอดิ้นๆ แล้วเค้าก็ปล่อยเธอ
“ขอโทษ...เป็นมั๊ยเนี่ย” เขาพูดไล่หลังมา เพราะเธอรู้สึกเขิน แกล้งบอกไปห้องน้ำโดยด่วน
“ขอบคุณก็ไม่เป็น”...เข้าตะโกนมาอีก...
“ไอ้บ้า”...เธอบ่นๆ
..............................................................................................
ตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุอีกครั้ง.... ขณะที่แก้วใสและอีวานร์ พึ่งกินขนมปังปิ้งพร้อมโอวันติล คนละแก้วเสร็จสิ้น...
อีวานร์บอกว่า ควรไปเยี่ยมสเปียร์ และปล่อยให้ตำรวจจัดการทางนี้ไป เธอได้เช็คแล้วว่า มีเงินเล็กน้อยที่วางไว้ บนโต๊ะ ข้างขนมปังนั่นที่หายไป
ไปถึงโรงพยาบาล เห็น พอล คุยอยู่กับสเปียร์ก่อนแล้ว และหน้าตาที่บวมปูนของสเปียร์นั้นทำให้เพื่อนสาวผวาเข้าไปกอดสเปียร์นั่นที...
“ฉันยังไม่ตายหรอกแกว... เธออย่ารัดฉันมาก ฉันเจ็บ จะตายเพราะหายใจไม่ออกนี่แหละ” สเปียร์บอกเธอ...
“ย่ะ” แก้วใสทำเสียงในจมูก เพราะเป็นห่วงนี่นา และรู้ว่าสเปียร์ไม่เป็นไรมาก เธอก็สบายใจ หมอเวรเพื่อนร่วมกับสเปียร์ บอกให้สเปียร์หยุดงานสองอาทิตย์ และพักผ่อน หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ให้เธอส่งเมล์ไป..หมอทิ้งท้ายก่อนปิดประตู ปล่อยให้สี่หนุ่มสาว นั่งคุยกัน ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
.................................................................................................................
แก้วใสหยุดงานสองวัน เพราะอยู่เป็นเพื่อนสเปียร์ และเจ้านายเธอได้กล่าวขอโทษเธอในคืนวันที่เกิดเหตุ...และอนุญาติให้เธอหยุดงานได้
แต่ใจจริงแก้วใสต้องการที่จะหลบหน้าหมอหนุ่มมากกว่า..จิตใจเธอยังเจ็บปวด ยังบอมช้ำกับความผิดหวังนั่น... เธอเก็บสร้อยจี้ไข่มุกสีดำนั่นและจะไม่ใส่มันอีกเพราะเธอไม่อยากจะเห็นมันอีก... เธอเป็นทุกข์มามากพอแล้ว...เธออยากเป็นอิสระจากการตกหลุมรักใครข้างเดียวนั่นทำให้เธออยู่ในนรกที่นานเกินไปแล้ว...
พอลและอีวานร์ ต่างมาเยี่ยมสองสาว และมาขลุกอยู่กับพวกเธอ กินข้าว ดื่มไวน์ พูดคุยกัน
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ที่แก้วใส ไปทำงานแค่เคสที่ต้องไปไปกายภาพนอกสถานที่ตามโปรแกรม แต่เธอเลี่ยงที่จะเข้าไปคลีนิคเพราะไม่อยากพบเจ้านายเธอ
“วันนี้ มีใครอยากขึ้นไปดื่มที่เรือสำราญมั่งมั๊ย” พอลถามขึ้นมาลอยๆ
“ฉันไป” สเปียร์บอกก่อนเพื่อน “ฮื้อออ ไม่เจียมเลยนะเธอ” แก้วใสติง แต่ใบหน้าของเพื่อนสาวดูดีขึ้นบ้างแล้ว มีเพียงแผลเย็บที่มุมหน้าผากนั่นที่ยังแปะผ้าอยู่ เธอแค่ใส่หมวกเก๋ๆ ปิดก็โอเคแล้ว อีกทั้งสเปียร์เองก็เบื่อกับการที่ต้องนั่งๆ นอนๆ โดยปกติชีวิตเธอก็อยู่กับการปาร์ตี้ทุกวี่วันอยู่แล้ว
เรือสำราญที่โบราโบร่าและทาฮ่า
แล้วทั้งสี่คนก็มาอยู่ในเรือยักษ์ที่ลอยลำอยู่ระหว่างเกาะโบราโบร่ากับเกาะทาฮ่า... ที่นี่มีเรือสำราญมาลอยลำอวดโฉมความงามของเกาะโบราและเกาะทาฮ่า แก่นักท่องเที่ยวได้เห็น
น้ำทะเลที่ใส สีฟ้าเขียวนั่น และมุมพระอาทิตย์ที่ตกหลังโบรานั่น เป็นวิวที่สวยและนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาที่นี่ต่างใฝ่ฝันอยากจะเห็นมุมนี้กันทุกคน
เกาะทาฮ่า 2009
และเรือสำราญที่มาที่นี่ทุกวันไม่เว้นวันหยุด นั่นเป็นธุรกิจของที่ตาฮิติอยู่แล้ว
เรือที่วิ่งมาหยุดตรงมุมปะการังและน้ำใส่นั่น ตอนสิบโมงเช้า และจะส่งนักท่องเที่ยวข้ามมาขับรถเล่นที่ทาฮ่า ก่อนจะลอยลำอยู่จนถึงเที่ยงคืน ก็จะลอยลำกลับไปสว่างที่พาเพ็ทตี
เรือสำราญที่นี่มีหลายบริษัท เวียนโปรแกรมกันมา..
เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว แก้วใสขอตัวไปนั่งดื่มที่บาร์ ขณะที่ พอลและสเปียร์ยังคงนั่งต่อที่ด้านนอก
.........................................................................................................
อีวานร์ตามหาแก้วใส จนเห็นหล่อนนั่งคุยกับใครบางคนที่หน้าเค้าเตอร์บาร์นั่น...ชายหนุ่มฉุนขึ้นมาตะหงิดๆ
“เสน่ห์แรงจริงนะแม่คูณ” เดินไปใหน ใครก็คว้าหมับ...แล้วเขาก็ยกเบียร์ขึ้นกระดกอย่างเซ็งๆ
นั่งมองหญิงสาว คุยไปหัวเราะไปอย่างร่าเริง...นั่นยิ่งทำให้เขาเซ็งขึ้นไปอีก.... ไม่เข้าใจตัวเองทำใมต้องรู้สึกแบบนี้ด้วย...คนที่เค้าควรจะหึง น่าจะเป็นหมอสาว ที่ยุ่งๆ อยู่กับปาร์ตี้ของหล่อนนั่นมากกว่านะ...แต่อีวานร์ไม่เคยหวง ไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย...ไม่เหมือนแก้วใส..เขาเป็นอะไรไปนะ... มีสิทธิ์อะไรไปหึงหวงเธอ... เชอะ...แม่คนขี้เหร่ หยิ่ง แข็งกระด้าง...เขาจะสนใจทำใม
ว่าแล้วเค้าก็ ลุกเดินไปหยุดที่โต๊ะหน้ามุมนักร้อง ที่คร่ำครวญเพียงรัก เพื่อสร้างความบรรเทิงให้แขก
มีหลายคู่ที่ออกมาร่วมแจมกับนักร้องตรงฟร้อนท์นั่น เขานั่งโดดเดี่ยว..มองสาว ที่ผ่านไปมา และหันมายิ้มให้เขาเป็นระยะ..เขาก็ยิ้มตอบ แต่ไม่มีอารมณ์สนุกสนาน หันไปมองแก้วใสอย่างเซ็งๆเป็นระยะ
ตอนนี้ไอ้หนุ่มนั่น ขยับไปนั่งใกล้เธอมากขึ้น... แก้วใสลุกขึ้นยืน และขอตัวออกไปข้างนอก
แต่ไอ้หนุ่มคว้าข้อมือเธอมากุม เธอสะบัดออกอย่างไว..
อีวานร์เห็นท่าจะไม่ค่อยดี...เขาก้าวเข้าไปถึงตัวเธออย่างไว
“หมูจะหาม จะเอาตีนเข้ามาเสียบทำใม” ไอ้หนุ่มที่เริ่มเมา พูดเป็นภาษาเยอรมัน อีวานร์ดันฟังออกซะด้วย ก็เคยประจำการอยู่เยอรมันตั้งสองปีนี่นา
“เมาแล้วควรจะไปนอนนะ และควรให้เกียรติผู้หญิงหน่อย” เขาตอบกลับไป ซึ่งแก้วใสฟังไม่ออก เพราะเธอพูดได้แค่ อังกฤษกับฝรั่งเศสและภาษาไทย
“คืนนี้ ฉันจะได้กกสาวไทยอยู่แล้ว ไอ้เสือ มึงจะจอยกับกูหรือยังไง” หนุ่มเยอรมัน ขัดใจอย่างแรง พร้อม ชู นิ้วกลางกลับด้าน ได้อย่างสวยงาม แล้วเดินจากไป
“ขอบคุณ” แก้วใสกล่าว นั่งลงเก้าอี้ตัวเดิม และรู้สึกเสียใจมาก ที่ใครๆ ก็ต่างพากัน มองสาวไทยแบบเธอเป็นเพียงขนมหวาน อย่างไอ้หนุ่มเมื่อกี๊ ก็เห็นสุภาพดี พอคุยไปๆ มาๆ จะชวนเธอขึ้นเตียงซะแล้ว...
เธอหันไปสั่งเบียร์ ไฮนาโน่ ของตาฮิติจากบาร์เท็นเดอร์ ที่ยืนไม่ห่าง เพื่อเตรียมประกบสถานการณ์
และเธอหันมาถามอีวานร์ว่าต้องการดื่มอะไร เธอจะเลี้ยงเอง
อีวานร์ นั่งลงเก้าอี้ตัวที่ไอ้ขี้เมาคนเมื่อกี๊ขยับมานั่งใกล้ๆ เธอ ทำให้เธอและเขา มองไกลๆ นั่งใกล้กันเป็นคู่รัก ทั้งสองนั่งคุยกัน ท่ามกลางเพลงรัก และบรรยากาศสดชื่นขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป
ยิ่งดึกยิ่งคุยสนุกสนาน...อีวานร์ย้อนกลับมาแซวเธอเรื่องที่เธอตื่นมาทุบเขาโดยที่ไม่ถามไถ่แต่อย่างใด... ทำให้เธอยิ้มและหัวเราะในความงี่เง่าของตัวเอง ....แล้วทั้งคู่ก็คุยกันจนได้เวลากลับ
พร้อมพอลและสเปียร์ ลงเรือเร็วมาพร้อมกัน
..........พรุ่งนี้ตอนบ่ายจะมาต่อให้จ้า.....แมรี่คริสต์มาสทุกๆ คนด้วยนะคะ...............................
http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/12/5.html ตอน หก ค่ะ
http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/12/5.html ตอน หก ค่ะ