12/09/2010

เบื้องหลัง เวทีแห่งความงาม...ตอนสอง

“แอร์  วันนี้เสี่ยทรง เค้าอยากให้แอร์ไปทานข้าวที่โรงแรมคืนพรุ่งนี้”  พี่ทรายมากระซิบถามแอร์ ที่นั่งข้างๆ ฉันพอดี
“เท่าไหร่ล่ะพี่ “ แอร์ถาม พี่ ทรายทำมือ สามนิ้ว
“ตกลง “  แอร์ตอบ
อะไรกันนั่น... ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย    “ไปด้วยสิ” ฉันบอก พี่ทราย แหว มาทันที  “ไม่ใช่เรื่องของเด็ก อย่างเอ็งน่ะไปอยู่หลังครัวโน่น ไปเอากาแฟให้ทีสิ”
ฉันหัวหด ไม่กล้าถามใหม่อยู่แล้ว กลัวแม่ตะคอกเอาอีก....   ฉันมารู้ทีหลังว่า  หลายๆ ครั้งที่นางงามในสังกัดของพี่ทรายนั้น บางทีก็มีงานนอก กินเลี้ยงมั่ง รับแขกบ้านแขกเมือง ทางการเมืองว่างั้น  แต่ฉันก็ไม่เคยได้รับสิทธิ์ อันทรงเกียรตินั้นหรอก เหตุเพราะพี่ทรายบอกว่า ฉันสวยไม่พอมาตรฐานที่จะไป
 และนางงามของเธอก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ  ส่วนใหญ่ก็อยู่ในอาชีพกัน คนละ สอง สามปี ก็มีคนใหม่เข้ามาเรื่อยๆ  จะมีก็แต่ฉันที่เป็นเด็กยกกระเป๋าเครื่องสำอางค์ให้พี่ทรายพ่วงตำแหน่งไปด้วยในตัว และคอยดูแลแกเรื่องอาหารการกินและทานยา ทานวิตามิน อะไรก็ไม่รู้มากมายก่ายกอง     
เกือบสองปี ที่ฉันยังคงทำงานกับพี่ทราย
 และเป็นลูกรักเหมือนเดิม อะไรแกก็ยอมหมด ยกเว้น หนุ่มหล่อทั้งหลาย ที่แกจะไม่มีทางยอมให้มานั่งนานๆ ในออฟฟิชเด็ดขาด ฉันรู้จักสุดหล่อแกทุกคน  อาจเป็นว่าฉันเด็กสุดในนั้น ใครๆ ก็ชอบใช้งาน ไหว้วานโน่นนี่
หลังจากวันนั้นอีกไม่นาน แอร์ก็ไม่รับงานแล้ว  ฉันสงสัยก็เลยถามพี่ทราย คำตอบคือ ต้องไปเรียนต่อที่อื่น.. แต่ใจฉันคิดว่า น่าจะมีคนรับเลี้ยงไปแล้วมากกว่า
และบ่อยครั้งที่พี่ทรายรับโทรศัพธ์ (กระบอกโตยังกะ โทรศัพธ์ในกองทัพ)  แล้วหันมาถามเด็กในสังกัด กระซิบกระซาบกัน เว้นฉันคนเดียวที่ไม่รู้ว่าเค้าคุยไรกัน
จนมีนางงามชื่อส้ม เธอมาจากสังกัดอื่น ที่เห็นว่า ทะเลาะกันเรื่องค่าตัว เลยมาร่วมงานกับพี่ทราย  ส้มเป็นสาวผิวไม่ขาวเหมือนคนอื่น แต่ผิวเธอก็เป็นสีน้ำผึ้ง (ในสมัยนั้นไม่เป็นที่นิยม) และก่อนขึ้นเวที ฉันต้องพอกแป้งให้ส้มมากกว่าคนอื่นๆ  พอกทั้งตัวกันเลยทีเดียว
ยิ่งเวทีใหนมีชุดว่ายน้ำ ฉันต้องพอกให้ส้มทั้งตัวจริงๆ  คุณนึกออกมั๊ย ว่าที่เค้าพอกแป้งทั้งตัวนั้นเค้าทำกันอย่างไร
คือ นางงามต้องยืนตัวตรง ให้คนทาแป้งที่ผิวให้เนียนขาว และนางงามก็ไม่ใส่อะไรเลย  ขงขนก็ต้องกำจัดออกไป เผื่อเอ็กซิเดน ไปโผล่ตรงขอบ ชุดว่ายน้ำ (สมัยนั้นต้องเป็นวันพีช เท่านั้นนะ) เวลาเดินบนเวที ก็ไม่รู้ค่ายอื่นเค้าทำกันยังงี้หรือเปล่าแหละ แต่ที่นี่ทำแบบนั้น
วันหนึ่งส้มก็เดินเข้ามา หน้าตาก็ไม่แต่ง มาบอกให้ฉันชงโอวัลตินให้
“ลี.... เสี่ยเจริญน่ะ เค้าเคยพาเด็กที่นี่ไปกินข้าวมั๊ย? “  เสี่ยเจริญ(เป็นชื่อสมมุติ)  คือ เจ้าของธุรกิจ ดีเล่อร์รถยนต์ รายใหญ่ ตั้งแต่ ร้อยเอ็ด ยโสธร และ อุบลฯ แถมยังมีที่โคราช อีกร้านใหญ่มาก  และ เสี่ยเจริญ เป็นคนหนึ่ง ที่มีเมีย ทำบัญชี  ทำด้านอะไหล่ และด้านอื่นๆ  คือ เรียกว่า ในสาขาหนึ่งๆ เมียเสี่ยเจริญ ต้องมีสามคนเป็นอย่างน้อย (แกบริหารคนได้ดีจริงๆ)
“หนูไม่รู้หรอกพี่ พี่ทรายไม่เคยบอก”  ฉันตอบไปตามความจริง เพราะฉันเอง เป็นคนที่หน้าตาไม่สะสวยเหมือนคนอื่นๆ  แม้พี่ทรายจะชอบเวลาที่แต่งหน้าฉันก่อนขึ้นเวที เนื่องจาก หน้าฉันจะเปลี่ยนสไตล์ไปตามอารมณ์ที่แกอยากจะแต่งก็เถอะ  แต่ถ้าเทียบกับ นางงามในสังกัดพี่ทรายแล้ว ฉันเป็นลูกเป็ด ที่คอยถือกระเป๋าเครื่องสำอางค์ให้แกจริงๆ  นี่ถ้าไม่ได้แกคอยสนับสนุน ฉันเองก็เดินสายนี้ไม่ได้แน่ๆ เพราะแค่สูงกับขาว มันไม่พอที่เป็นยึดอาชีพนี้ได้อย่างแน่นอน และสมัยนั้น ห้ามนางงามทำศัลยกรรม ต้องสวยแบบธรรมชาติจริงๆ  
“เมื่อวานน่ะ แกรู้มั๊ยว่า ไอ้ปอ มันปาดหน้าฉันไปกับเสี่ยเจริญ”  ส้มพูดออกมา “พี่ทรายล็อคคิวให้ฉัน วันพรุ่งนี้ แต่ไอ้ปอมันชิงไปแล้ว” 
“ไปแล้วก็ไปอีกก็ได้นี่พี่ ก็อีแค่กินข้าว มันก็ต้องกินทุกวันอยู่แล้ว” 
“อีนี่.... แกไม่รู้อะไรเลยหรือไง...  อีปอน่ะ มันขับรถป้ายแดง ไปเหยียบถึงหน้าบ้านฉันเมื่อเช้านี้”
ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ส้มหมายถึงอะไร   “มันน่ะทำกับฉันแบบนี้ได้ไง แล้วพี่ทรายก็ไม่รู้เรื่องด้วย”   ส้มพูดยังไม่ทันจบ
ปอก็ขับรถป้ายแดงมาจอดที่หน้าออฟฟิช  พวกเรามองออกไปทางกระจก
“มันมาแล้ว...คอยดูนะ เอ็งได้ดูหนังสดแน่นังลี”
แล้วปอก็เข้ามา... “อีปอ... มึงก็รู้ว่า เสี่ยเค้านัดกูไว้ วันพรุ่งนี้  “ ส้มพูดเสร็จก็ถลาไปจิกผมปอแล้วตบทันที  ปอก็เป็นนางงามในสังกัด ที่หุ่นอลชร อ้อนแอ้น  ร่างเธอถึงกับไปกอง ตรงพื้น เพราะเธอไม่ทันได้ตั้งตัว   ส้มถลาตามไปจะตบอีก แต่ปอเหวี่ยงด้วยกระเป๋า มาซะก่อน  ฉันตกใจมาก... ทำไรไม่ถูก   ใครคนอื่นๆ วิ่งมาจากห้องอบผิว มั่ง ในครัวมั่ง เพื่อที่จะมาห้าม
สักพักพี่ทราย ก็เข้ามา และทั้งสองก็นั่งสงบอยู่ตรงนั้น   “พวกมึงก็รู้นี่ ว่าคืนนี้มีงานแล้วหน้าพวกมึงเป็นแบบนี้ มันจะประกวดได้มั๊ย”  พี่ทรายโมโหมาก เพราะไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน  
และเรื่องในวันนั้นก็ทำให้ เสี่ยเจริญปฏิเสธที่จะพาส้มไปกินข้าว แต่พี่ทรายก็ส่งส้มไปนั่งร้องคาราโอเกะ เป็นเพื่อน สส กลุ่มหนึ่งที่มากินเลี้ยงแถวนั้น
ถึงตอนนี้ ฉันเข้าใจแล้วว่า งานที่ไปกินข้าวเนี่ย มันไม่ใช่แค่กินข้าวธรรมดาเลย 
และเวลาที่พวกเธอเดินขึ้นไปประกวดบนเวที ยิ้ม เยื้องย่าง สง่าสวยงามนั้น ใครจะรู้ว่า ลับหลังพวกเธอทำอะไร... มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ   ฉันเองก็พึ่งรู้จากส้มนี่แหละ ถ้าส้มไม่วีน ในวันนั้น ฉันเองก็ไม่มีโอกาสได้รู้เรื่องแบบนี้อย่างแน่นอน เพราะมันไม่มีใครพูดนั่นเอง
ไม่แปลกเลยที่หลิน จะต้องไปตกอยู่ในเหตุการณ์ปางตายแบบนั้น
หลังจากที่ฉันเรียนจบระดับอนุปริญญา ฉันต้องไปเรียนต่อ ที่ ม.รามฯ  พี่ทรายเข้ามาพักกับฉันเป็นระยะ และส่งฉันเข้าประกวดสาวแพรว แต่ฉันก็ไปตกรอบสิบคนสุดท้ายอยู่ดี  อันที่จริงพี่ทรายก็รู้แต่เค้าก็อยากให้ฉันได้มีประสบการณ์ ถึงวันนี้ฉันก็ยังระลึกในบุญคุณของพี่ทราย ที่รักฉันเหมือนลูกเหมือนหลานของแกจริงๆ  
และฉันเสียใจมาก ที่วันเผาพี่ทราย ฉันไม่มีโอกาสได้ไป เพราะไม่มีใครบอกฉันนั่นเอง พี่ทรายกลับไปเสียชีวิตที่บ้านเกิดด้วย โรคเอดส์ และนางงามของแกก็ต้องไปหาช่องทางทำมาหากินกันต่อไป.... รักพี่ทรายเสมอค่ะ

http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/12/blog-post_08.html  ตอนแรก อยู่นี่ค่ะ