12/24/2010

รักกุ๊กกิ๊ก...เกาะตาฮิติ นิยายรัก ตอน 4


“ฉันจะไปงาน เฮ อิ วา นะคืนนี้” แก้วใสบอกเพื่อนสาว ด้วยสีหน้าร่าเริง
“แหม... ไม่เคยเห็นหน้าแกว สดชื่นขนาดนี้มาก่อนเลยนะ   คืนนี้ช่างพิเศษจริงๆ ใช่มั๊ยล่ะ” สเปียร์แหย่  ทำให้แก้วใส ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข เพราะวันนี้ หมอหนุ่มเจ้านายเธอเอ่ยปากชวนเธอไป ดูการแสดงโชว์ของสาวตาฮิติ
“ว่าแต่เธอเถอะ วันนั้นเห็นว่า มีปัญหากับผู้ชายคนนั้น เรื่องไปถึงใหนแล้ว” แก้วใส่ถามเพื่อนสาว กรณีที่สเปียร์ อยู่ในเหตุการณ์ในวันที่ ชายตาฮิเตี้ยน ลงมือทำร้ายภรรยาสาว ชาวจีน และสเปียร์เข้าไปห้ามปราม
แต่ถูกชายคนนั้น ตะคอกกลับมาและ พยาบาทเธอว่า ห้ามยุ่งเด็ดขาด  แต่สเปียร์ กลับรับสาวชาวจีนคนนั้นมาไว้ที่บ้าน หนึ่งคืน จนวันรุ่งขึ้นเมื่อเห็นว่า ฝ่ายชายอารมณ์ดีขึ้นแล้วสาวชาวจีนจึงกลับบ้านไป
“ก็ไม่เห็นมีไรนะ วันที่ไปส่งเธอ ก็เห็นสามีเธอไม่ได้ว่าอะไร”  อื้ม ดีแล้วแหละ แก้วใสกล่าว
“คืนนี้เธอจะไปงานดูการแสดงจริงๆเหรอ?”
“จ้ะ..ทำใมล่ะ” 
“เปล๊าก็เห็นเธอไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่ เรื่องพวกนี้ หรือเป็นเพราะว่า คนชวน” สเปียร์เอนตัวกระทบไหล่เธอ จนตัวโยก
แก้วใสยังนึกสงสัยอยู่ว่าทำใมหมอถึงชวนเธอไปด้วย... แต่อะไรก็ช่างเถอะ แค่เค้าเอ่ยปากชวน เธอก็ดีใจจนเนื้อเต้นแล้ว
เมื่อมาถึงในงาน ที่ลานปูด้วยทรายเป็นพื้นกว้าง ไฟสว่างสไว เสียงดนตรีคึกคัก ผู้คนเยอะแยะมากมาย
ทั้งในส่วนของนักท่องเที่ยวที่ต้องซื้อบัตรเข้าชม ในงาน และในส่วนด้านนอกที่ไม่อยากซื้อบัตร แต่ก็สามารถจับจองหาที่นั่งได้สะดวกสบาย
หมอถามเธอว่า อยากกินอะไรใหม  มีอาหารแปลกๆ ที่เธอไม่เคยเห็นนะ เพราะงานนี้ เป็นเสมือนงานวัดที่เมืองไทย ขนมหลายๆ อย่าง ที่ถูกอนุรักษ์ไว้ จะนำมาโชว์ และขาย ทำให้ ผู้คนวันนี้ ต่างตื่นเต้น และสนุกสนาน
เค้าเทคแคร์เธอ และพาเธอเดินเที่ยว ดูสินค้าต่างๆ   ไม่ว่าจะเป็นไข่มุกสีดำ ที่เป็นสินค้า ขึ้นชื่อของที่นี่...
“ฉันอยากให้เธอลอง ใส่สร้อยจี้ไข่มุกเส้นนี้ดูหน่อยว่า มันสวยแค่ใหน” หมอหยิบขึ้นมา แล้วนำมาสวมที่คอของเธอ โดยไม่รอคำตอบ
“อืม...สวยมาก” ... แก้วใสได้แต่ยิ้ม   “งั้นเอาเส้นนี้”....  เค้าหันไปบอกเจ้าของร้าน
“แต่เอ่อ... ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่ได้อยากได้”   เธอปฏิเสธโดยเร็ว เพราะรู้ราคาดี ว่ามันแพงเอาเรื่อง... เงินเดือนเธอหลายเดือนเชียวนั่น แต่หมอหนุ่มก็ไม่ได้สนใจคำพูดอะไรของเธอ นอกจาก เขียนเช็คและเซ็นต์ให้เจ้าของร้านไป
เธอรู้สึกใจเต้นแรง.... มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก นั่นไม่ใช่เพราะได้ของมีราคา...แต่หากเป็นเพราะ คนให้ ที่สวมเองกับมือต่างหากที่ทำให้เธอมีความได้ขนาดนี้...
แล้วเค้าก็พาเธอไปนั่ง ในเก้าอี้ ภายในบริเวณงาน ที่ถูกเตรียมไว้...  ใช่มีนักท่องเที่ยวมากมาย จากหลายๆ รีสอร์ท เพราะงานนี้เป็นงานประจำปีของประเทศนี้ ที่จะจัดขึ้นในแต่ละเกาะ ต่างวันกันไป แต่จะใช้เวลา เฉลิมฉลอง อยู่สองเดือนกว่า

จนกว่าจะโชว์งานครบทุกเกาะ และทีวีจะออนแอร์ การแสดงของแต่ละเกาะ ทั้งวันทั้งคืน เรียกว่า ยิ่งใหญ่มากสำหรับตาฮิติ
การแสดงเริ่มขึ้นแล้ว....
การร่ายรำของสาวตาฮิติ

Tahiti Show in Heiva 2009
... ชุดนี้เป็นการโชว์ ตำนานการร่ายรำของสาวตาฮิติ... ในตำนานกล่าวว่า ชาวตาฮิติ จะนับถือ ภูตผี ในอดีต ด้วยความที่อยู่เป็นเกาะและการเดินทางจะอยู่ที่การเดินเรือเป็นหลัก ชาวตาฮิติมีความเชื่อว่า เพราะภูตผีพระเจ้าของพวกเค้า ได้คุ้มครองเอาไว้ จึงไม่เคยเกิดอาเพศ ใดๆ  แต่ชาวตาฮิติเองก็ต้องเซ่นไหว้ โดยการ
เลือกสาวน้อยบริสุทธ์นางหนึ่ง จากครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง มาร่ายรำต่อหน้ากองไฟ เพื่อบวงสรวงเทพเจ้า และเธอจะต้องร่ายรำ ไม่หยุด ไม่กิน ไม่นอน ต้องเต้นร่ายรำไปจนกว่า จะ...จะหมดแรง
หากล้มลงก็จะถูกดึงขึ้นมาร่ายรำต่อไป จนกว่าเธอจะสิ้นใจตาย เพื่อให้พระเจ้าภูตผี พอใจในการร่ายรำอันนั้น
แล้วชาวตาฮิติก็จะรู้สึกปลอดภัย เมื่อพระเจ้าได้มารับนางที่ร่ายรำนั้นไปแล้ว... หากแต่ผู้ที่เสียใจก็ต้องเป็น แม่และครอบครัวของนาง ที่ต้องร้องไห้ แทบจะสิ้นใจตายตามนางไป
มันช่างเป็นตำนานที่โศกเศร้าเสียเนี่ยกระไร.. ดลตรีก็สุดแสนจะเศร้า เรียกน้ำตาผู้ชมได้อย่างท่วมท้น... แก้วใสเอง เคยร้องไห้กับโชว์นี้เมื่อปีแรกที่เธอมาอยู่ เพราะการร่ายรำของนาง ก่อนสิ้นใจตายนั้น มันช่างเศร้าสร้อยนัก
จบการแสดงนั้น... 
พลันเธอก็มองเห็น ผู้จัดการสาว ที่พานักท่องเที่ยวจากรีสอร์ทของเธอ มาชมการแสดงด้วย และเธอก็เดินมาหาเจ้านายของแก้วใส ที่นั่งอยู่ข้างๆ นี่... ใจเธอเต้นระทึก
“เฮ้ยยยย “  เจ้านายเธอ ส่งเสียงตื่นเต้นดีใจ จนเห็นได้ชัด  เมื่อหญิงสาวเข้ามานั่งลงข้างๆ แบบไม่รู้ตัว  ผิดกับความรู้สึกของแก้วใสมากมาย ที่ไม่ได้ตื่นเต้นดีใจแม้แต่น้อย เพราะเข้าใจว่า ล่าสุดเค้าทั้งสองได้ตกลงที่จะแยกทางกันแน่นอนแล้ว
“ฉันขอโทษด้วยนะ เรื่องเมื่อวันก่อนน่ะ”  เธอเอ่ยขึ้น ให้ได้ยินกันแค่สองคน แต่แก้วใสก็ได้ยินอยู่ดี
“ชู้ชชชช” หมอหนุ่มทำเสียง ให้เธอไม่ต้องพูดใดๆ  เพราะแค่เดินมานี่ หมอก็ดีใจแทบจะกระโดดแล้ว
ถึงตอนนี้ หัวใจแก้วใส... ได้หลุดลอยไปไกล หูตาฝ้ามัว ไม่ได้ยินเสียงใดๆ มองไม่เห็นอะไรๆ ทั้งสิ้น

ได้ยินหมอพูดบางอย่างแต่ฟังไม่ได้ศัพธ์ และเห็นเบลอๆ ว่าหญิงสาวนางนั้นได้ดึงเอาคนที่นั่งข้างแก้วใส ออกไป เหมือนว่าเธอคนนั้นได้กระชากเอาหัวใจแก้วใสออกไปด้วย และเดิน..ไกลออกไป ...ไกลออกไป... แก้วใสอยากจะวิ่งตาม อยากอ้อนวอนขอ
อยากจะไปหยุดเค้าไว้ ให้อยู่กับเธอเถอะ อย่าทิ้งเธอไว้แบบนี้อีกเลย.... แต่ขาของเธอก็ไม่อาจจะก้าวไปดั่งใจคิด
ได้แต่นั่งอยู่ที่เดิม มือไม้เย็นเฉียบ ทำตัวไม่ถูก... จากความสุขลึกๆ เมื่อครู่นี้ กลับกลายเป็น ความทุกข์ใหญ่หลวง
อยากร้องไห้ตรงนี้... แต่น้ำตามันไม่ได้ไหลออกมา...
ใครบางคน ทรุดตัวลงนั่ง .... ข้างกายเธอ..
เธอหันไปมองด้วยความลิงโลด... ดีใจ ดุจดั่งได้คว้าอะไรบางอย่างกลางสายน้ำเชี่ยวที่เธอกำลังจะจมดิ่งสู่ห้วงลึกของวังวนนั่น
แต่ยิ้มกว้างก็ต้องหยุดค้างทันที... เมื่อ.....
“ทำใมล่ะ ผมไม่ใช่ผีหลอกซะหน่อย”  อีวานร์เอ่ยออกมา รู้สึกรับไม่ได้ ที่เห็นเธอยิ้มค้าง เปลี่ยนเป็นสีหน้าจากลิงโลดดีใจ เป็นสลดใจผิดหวัง อย่างสิ้นเชิง
เธอรังเกียจเค้าขนาดนี้เชียวเหรอ... เห็นหน้าเขาแล้วเธอถึงกับจะร้องไห้ ...ไม่นะ... เขามันน่ารังเกียจตรงใหน... เกิดมายังไม่เคยมีหญิงคนใหน รังเกียจเขาในแบบที่ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้กระทำย่ำยีจิตใจ ได้เพียงนี้
“ผิดหวังมากหรือไง ที่เป็นผม... ไม่ใช่ผู้ชายที่ลุกไปคนเมื่อกี๊นี้”  เขาโน้มใบหน้า มาจ้องที่ดวงตาของเธอ พร้อมทำเสียงยัดเยียด เยาะเย้ย ถากถาง ให้เธอได้เจ็บปวด เหมือนกับเขาที่รู้สึกเจ็บปวดลึกๆ ทุกครั้งที่เห็นแววตาแสดงความรังเกียจของดวงตาคู่สวยตรงหน้านี่...ใช่ มันเจ็บปวดตั้งแต่วันแรกที่เห็นเธอ!!
“เพชรกับพลอย มันต่างกัน ฟ้ากับดิน เธอไม่รู้เหรอ”  เขาพูดต่ออย่างเชื่องช้า แต่เน้นทุกคำพูดในประโยคนั้น   แต่เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเธอตอนนี้ ซีดเผือด... ไม่มีแม้แต่คำจะเอ่ยใดๆ จากปากบางนั่น มันเม้นสนิท สั่นระริก ก่อนที่น้ำตาจะรินไหลออกมา
อีวานร์ตกใจไม่น้อย ที่เห็นเธอร้องไห้ เขาเองทำตัวไม่ถูก ปกติ เจอกัน เขากัดเธอแรงกว่านี้ด้วยซ้ำ ไม่เคยเห็นเธอร้องไห้ มีแต่ ชูคอเชิดผยอง... ใส่เขาซะอีก
 ส่วนแก้วใส ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกไปได้   ปากเธอหนัก เกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยคำใดๆ ออกมา เธออยากจะไล่ชายคนที่อยู่ตรงหน้านี้ไปไกลๆ นี่ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมากัดเธอแล้วได้รับความสนุกสนานกลับไปเหมือนเช่นทุกครั้ง
“สุขใจใช่มั๊ย...สุขมากใช่มั๊ย เอาเลย ว่ามาเลย ด่ามาให้พอ... ถ้ามันทำให้คุณดีขึ้น ว่ามาอีก ฉันมันคนไร้ค่าอยู่แล้ว”
น้ำตาร่วงพรูยังกะเขื่อนแตก หากแต่เสียงที่พูดออกไปนั้น มันแหบพร่า เหมือนว่าเธอลืมภาษาพูดไปโดยสิ้นเชิง
คำพูดของเค้า มันทิ่มเข้าไปในใจ เจ็บลึกเข้าไปถึงก้นบึ้ง... เธอร้องไห้อย่างไม่อายแล้ว เพราะมันเกินจะทน...สองปีที่ป่านมา เธอเป็นเพียงแค่พลอยที่ด้อยค่ากว่าเพชร.. อย่างที่ไอเสือหน้าหยกพูดเมื่อกี๊ไม่มีผิด
เธอรีบลุกเบี่ยงตัวหนีทันที... วิ่งฝ่าวงล้อมของผู้ชมการแสดงออกไป หากแต่ไม่มีใครสนใจมากนักเพราะ ทุกคนต่างตื่นเต้นกับการแสดงบนลานทรายนั้น...

อีวานร์ ทำตัวไม่ถูก... ทำพูดของเขาทำให้เธอร้องไห้เจ็บปวดขนาดนี้เชียวหรือ...ไม่นะ ไม่หรอก... เขาสับสน หรือมันเป็นเพราะเหตุอื่นใด
แต่สองขาก็พาตัวเค้า ตามเธอไป อย่างที่สมองไม่ต้องสั่งการ เค้ายังแปลกใจตัวเอง ที่ไม่ห้ามร่างกายตัวเอง กลับปล่อยให้เคลื่อนไหวอย่างเสรีไปได้
เค้าคว้าตัวเธอ เอาไว้ ก่อนที่เธอจะวิ่งไปไม่มีจุดหมาย...
“เธอเป็นบ้าอะไรไป... มุกให้สังคมฆ่าฉันเพราะคิดว่าฉันทำร้ายเธอจนร้องไห้ สิ้นสติแบบนี้หรือยังไง” เขาตะคอกเธอเพราะรู้สึกตัวเองเป็นเป้าสายตาของคนที่เดินไปเดินมานั่น
“คุณมันก็ห่วงตัวเอง.... ห่วงแต่ตัวคุณเอง... คิดถึงใจฉันมั่งมั๊ย ว่ารู้สึกเจ็บปวดเพียงใด... นานแค่ใหนแล้ว ที่ฉันต้องเจ็บปวดอยู่แบบนี้”   เธอร้องไห้ ฟูมฟาย ทั้งพูดทั้งสะอื้น
เล่นเอา อีวานร์ งุนงงสับสนขึ้นไปอีก... ชายหญิงคู่หนึ่งเดินผ่านไป ต่างมองเขาด้วยสีหน้าตัดสินว่า เขาคือผู้ร้ายอย่างแน่นอน
เธอสะอื้น ร้องไห้อย่างไม่อาย... เขาตกใจหนักเข้าไปอีก แม้จะงงๆ กับประโยคของเธอ..แต่เธอร้องไห้จนเขาต้องดึงเธอเข้ามากอด ดันศรีษะเธอด้วยฝ่ามือ กดให้ซบตรงไหล่ และกอดเธอ จนรู้สึกได้ว่า น้ำตาซึมผ่านเสื้อยืด ตรงดิ่งเข้าไปถึงเนื้อกายของเขา...  
และเขาก็พาร่างนั้นเดิน ฝ่าความมืดออกไปขึ้นรถกลับบ้าน
ตลอดทาง ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากของเธอ
และอีวานร์ ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยอะไรขึ้นมาอีก เพราะอาการของเธอทำเขาใจหวิวเข้าไปถึงท้องน้อย  เธอเจ็บปวดอะไรหนอ.....
เพียงแค่คำพูดของเขา แค่สองประโยคอย่างนั้นหรือ... เขารู้สึกผิดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
เมื่อถึงบ้าน เธอก็ไม่รู้สึกตัว ว่าถึงแล้ว จนเขาเอ่ยว่า ผมจะไปเปิดประตูให้... เธอจึงได้ขยับ และปาดน้ำตา ออกจากดวงหน้าที่ซีดเซียวนั่น
อีวานร์ ขยับจะเปิดล็อกประตูรั้ว หากแต่ประตูมันได้เปิดอยู่ก่อนแล้ว... พลันสายตาได้มองเลยไปเห็นอะไรเป็นเงาดำตะคลุ่มๆ นั่น
ด้วยสัญชาตญานของทหารเก่า ทำให้เขารู้ทันทีว่า นั่นเป็นร่างใครบางคน นอนจมในความมืดนั่น...
ใช่... บ้านมืดมาก ไม่มีแม้แสงไฟ สักดวง.... เขาหลบเข้าพุ่มไม้นั่นอัตโนมัติ ทำมือห้ามให้แก้วใสลงจากรถ...เธอตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น... เขาเห็นอะไร...

....ตอนต่อไปจะนำมาลงวันพรุ่งนี้ ในเวลาเดียวกันนี้ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ และ แมรี่คริสต์มาสทุกคนนะคะ....


ตัวอย่างคลิปการเต้นสไตล์สาวตาฮิติ

http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/12/5.html ตอน ห้า ค่ะ