ลมเย็นๆ อากาศสดชื่นจากท้องทะเลแห่งตาฮิติ สร้างความหรรษาแก่หนุ่มสาวทั้งสาม
ยกเว้น อีวานร์เขาหงุดหงิดเมื่อเห็นภาพพอลและแก้วใสต่างหยอกล้อเล่นกัน รวมทั้งสเปียร์อีกด้วย
ยกเว้น อีวานร์เขาหงุดหงิดเมื่อเห็นภาพพอลและแก้วใสต่างหยอกล้อเล่นกัน รวมทั้งสเปียร์อีกด้วย
ตอนนี้อารมณ์อีวานเหมือนฟังเพลงคนละเพลงกับเพื่อนพ้อง
ชายหนุ่มแทบจะไม่พูดอะไรเลย นอกจากฟังเพื่อนๆ คุยอย่างสนุกสนาน
พอล ชวนแก้วใสลงไปเดินตรงท่าเรือเล็กๆ หลังบ้านนั่น
ที่ตาฮิติ จะมีท่าเรือเล็กๆ (เรียกว่าสะพานจะดีกว่ามั๊ง) เอาไว้จอดเรือส่วนตัว จะมีกันทุกบ้าน
ฟังแล้วบางคนบอกว่าเว่อร์... ก็เค้าโดยสารกันทางเรือเวลาข้ามเกาะกันอ่ะนะ และแทบจะมีเรือยอร์ชกันทุกบ้าน (ไม่ใช่ว่ารวยมาก แต่มันจำเป็นสำหรับวิถีชีวิตของคนแถบนี้) ส่วนรถยนต์ก็โดยสารภายในเกาะ ส่วนใหญ่ก็ เปอร์โย แหละ รถประจำชาติ
ข้างฝ่ายอีวานร์ เดินงุ่นง่าน เป็นไอ้เสือหน้าหยกติดกรง
แน่แหละ ก็ภาพสองหนุ่มสาวนั่น ดูสวีทกันเหลือเกิน หลายครั้งที่พอล จูงมือเธอเมื่อเดินบนก้อนหิน
“คุณไม่เดินลงไปล่ะอีวานร์” สเปียร์บอก
“ไม่ดีกว่า ผมว่าอยู่ที่นี่แหละ โอเคแล้ว ผมอยากนั่งดื่ม” แล้วเขาก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ ตรงระเบียงนั่น ทอดสายตามองโบราโบร่าตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน
ใช่มันสวยงามมาก จะดีไม่น้อยหากมีใครสักคนมาเคียงข้างตอนนี้ แล้วเขาก็ชำเลืองสายตาไปที่หญิงสาวที่กำลังเดินกลับมาพร้อมชายหนุ่ม
“เฮ้อ...” เขาเผลอถอนหายใจ สเปียร์ทำเป็นไม่ได้ยิน นั่งอ่านหนังสือต่อไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็แอบยิ้มน้อยๆ
เมื่อทั้งคู่มาถึง อีวานร์ก็เปิดฉาก...ทันที
“ทำใมวันนี้ บรรยากาศมันดูหวานๆ เหมือนมดจะไล่ตามน๊า” เขาพูด พร้อมกระดกเบียร์ เข้าปาก
“แน่นอนละ....โบราโบร่า อินเลิฟ” แก้วใสตอบกลับมา
“ตกลงเราสองคนจะ... “ พอล เว้นวรรค นิดหน่อย เล่นเอาหนุ่มอีกคน นั่งไม่ติด ว่าพอลจะพูดอะไรออกมา หรือว่าเธอตกลงปลงใจกับเขาแล้ว
แก้วใส ชิงเดินหนีไปห้องน้ำ แกล้งให้คนทั้งคู่ คิดกันเอาเอง
เมื่อเธอเดินกลับมา ชายหนุ่มก็คว้าเธอทันที ก่อนที่จะเธอออกไปนอกระเบียง
“แก้วใส... มันสนุกมามายหรือยังไงที่ปั่นหัวใครต่อใครเล่นแบบนี้” เขาดันเธอ ชิดผนัง และล็อคตัวเธอไว้ด้วย มือทั้งสองข้าง ที่ท้าวไว้กับกำแพงด้านหลังเธอ
เธอไม่ตอบ แต่เชิดหน้า คอตั้ง ทันที
“หูตึงหรือยังไง...” เขาคาดคั้น เพ่งมองดวงหน้าของเธอ ที่หมดจด จมูกนิด ปากบาง เขาค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไป...ใกล้ เธอ...ใกล้เธอ จน...
“เป็นบ้าอะไรของคุณ นี่ปล่อยฉันนะ “ เธอดิ้น และผลักไสเขา
ใครบางคน ดึงไหล่เขาออกมา และตามด้วยใบหน้าเขาที่ปะทะกับอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะเซถลาล้มลงไปตามแรงปะทะนั่น
“ปลั๊ก” เสียงดัง พอลนั่นเอง เขาดึงอีวานร์ ตามด้วยหมัดหนักกำลังดี ปะทะใบหน้าหยกของไอ้เสือ
แล้วทั้งแก้วใสและสเปียร์ ต่างก็ไปยืนขนาบข้าง พอล และเอามือ ดันหน้าอกพอลเอาไว้
“เป็นบ้าอะไรของนาย” พอลตะคอก “ก็รู้ว่า....” พอลพูดไม่ทันจบ ไอ้เสือหน้าหยก ก็สวนกลับมา
“รู้ว่าอะไร.... ไม่มีทางหรอก ไม่ใช่นายคนเดียวแน่ ที่รักแกวน่ะ” อีวานร์ลืมตัว ทั้งเจ็บใบหน้า และเสียใจที่รู้สึกโดดเดี่ยว
“เราเป็นแฟนกัน อีวานร์...นายมีสิทธิอะไร” พอลถาม
สิทธิเหรอ...ใช่ เขามีสิทธิอะไร... อีวานร์นึกได้ แล้วก็ขยับพยุงตัวเอง ลุกขึ้นยืน แล้ว เดินออกไปจากตรงนั้น
“นายมันคนพวกใหนกันแน่อีวานร์... นายหวงก้างเหรอ...หวงทำใมในเมื่อนายเองก็ไม่ได้คิดอะไรกับแกว” พอลถามไล่หลังมา
เขาหันกลับมามอง... “ทำใมฉันจะไม่คิด... ฉันรักผู้หญิงคนนั้น.." เขาชี้มือมาที่แก้วใส
"ฉันรักเธอ ...รักมานานแล้ว ใช่..มันฟังดูแย่ ที่ฉันรักเธอข้างเดียว...เธอไม่มองหน้าฉันด้วยซ้ำไป เธอรังเกียจฉันมาก ใช่มั๊ยแก้วใส” เขาพร่ำพรรณา และเขาก็ไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่านั้น ถึงตอนนี้เขาเลือกที่จะพูดความจริง แล้วยอมเดินจากไป โดยที่ไม่มีอะไรค้างคาใจจะดีกว่า
ทุกคนหันมามองแก้วใส ว่าเธอจะพูดอะไร โดยเฉพาะสเปียร์...ที่เชียร์จน พอลต้องประกบมือเอาไว้ และพาเธอเดินออกไป ปล่อยให้สองคนคุยกันเอง
"ฉันรักเธอ ...รักมานานแล้ว ใช่..มันฟังดูแย่ ที่ฉันรักเธอข้างเดียว...เธอไม่มองหน้าฉันด้วยซ้ำไป เธอรังเกียจฉันมาก ใช่มั๊ยแก้วใส” เขาพร่ำพรรณา และเขาก็ไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่านั้น ถึงตอนนี้เขาเลือกที่จะพูดความจริง แล้วยอมเดินจากไป โดยที่ไม่มีอะไรค้างคาใจจะดีกว่า
ทุกคนหันมามองแก้วใส ว่าเธอจะพูดอะไร โดยเฉพาะสเปียร์...ที่เชียร์จน พอลต้องประกบมือเอาไว้ และพาเธอเดินออกไป ปล่อยให้สองคนคุยกันเอง
แก้วใสเดินไปหยุดต่อหน้าเขา มองเขาที่ดวงตาเศร้าสร้อยนั่น คอตก...หมดภาพสง่างามของได้เสือหน้าหยก
“ฉันไม่เคยรังเกียจคุณ... แต่ฉันไม่เข้าใจว่า ทำใมคุณต้องรังแกฉันตลอดเวลา ค่าของชั้นมันต่ำเกินไปสำหรับคุณเหรอ...ที่นึกอยากจะ... “ เธอเว้นวรรค และเอามือจับริมฝืปาก แล้วหลบตาเขา
เขาคว้ามือเธอทันทีทันใดด้วยความลิงโลด เมื่อเธออยู่ตรงหน้า ใกล้แค่เอื้อมถึง เอื้อมมือไปสิ อีวานร์ เธออยู่ตรงนี้แล้ว ใจเขาสั่ง
"มันไม่ใช่ความฝันใช่มั๊ย... คืนนั้นผมทำร้ายคุณ และ...." เขาหยุดเว้นวรรค
"มันไม่ใช่ความฝันใช่มั๊ย... คืนนั้นผมทำร้ายคุณ และ...." เขาหยุดเว้นวรรค
และดึงเธอเข้ามากอด..
“แกวผมขอโทษ .... ผมรักคุณ รักมากเหลือเกินคนดี” เขากอดเธอ... แน่น...แน่นเข้าไปอีก เหมือนกลัวว่าเธอจะหลุดลอยไปไกล
“คุณรักผมมั๊ยแกว” เขาเอียงหน้าลงมาถาม และบังคับให้เธอมองเขาตรงๆ
“แก้วย่ะ...ไม่ใช่แกว” เธอเลี่ยง...
เขาจูบเธอ...ไม่อยากรอฟังคำตอบแล้ว เขาอยากจูบเธอแบบนี้ ความโหยหาในอกตอนนี้ มันแตกโพล๊ะ ไม่เหลือคราบและเงื่อนไขใดๆ สำหรับอีวานร์
จากจูบที่อ่อนหวาน อ่อนโยนกลายเป็น เร่าร้อน กระหายที่จะสัมผัส ฝ่ามือที่ลูกไล้แผ่นหลังของเธอ ต้นคอ เล็กๆ สำหรับมือเขานั่น
ก้นงอนได้รูป... เขาฉุดเธอไปที่ห้อง ด้วยรู้ดีว่าทางเข้าห้องนอนเธออยู่ตรงใหน
แก้วใสก้าวตามเค้าอย่างว่าง่าย...เพราะรู้คำตอบดีว่า หัวใจเธอโหยหาเขาเพียงใด
เขาจูบเธอ ลดต่ำลงไป... สายตาเพ่งมอง และจูบแผ่วเบา อย่างทะนุถนอม ช่วงอก ได้รูป สวยงาม ดั่งปฏิมากรรม...ที่ตอนนี้ไร้ซึ่ง อาภรณ์ใดๆ ปกปิด
“อืมมม” เธอไม่รู้ว่าจะส่งเสียงอันใดได้...เมื่อเขา พรหมจูบเธอลดต่ำลงไป ในขณะที่มืออีกข้าง ยังคง ประคับประคองอกสวยได้รูปเอาไว้อย่างอ้อยอิ่ง เสมือนว่าไม่อยากจะละมือจากไปใหน
เธอหายใจติดขัด เมื่อใบหน้านั้นลดต่ำ ลงไปผ่านหน้าท้องนั่น
เธอต้องใช้มือประกบใบหน้าเขา หวังจะหยุดการเคลื่อนไหวนั่น แต่เขาก็ ซบลงไป น่านนาน.... อ่อนหวาน และเร่าร้อนตามมา
เธอต้องใช้มือประกบใบหน้าเขา หวังจะหยุดการเคลื่อนไหวนั่น แต่เขาก็ ซบลงไป น่านนาน.... อ่อนหวาน และเร่าร้อนตามมา
เขาเคลื่อนตัวมาหาเธอ... “คุณรักผมมั๊ยแก้วใส” เขาถามข้างหูของเธอ ปลุกให้เธอหลุดจากภวังค์ สวรรค์
“ฮื้อออออ “เธอยังคงหลับตา ไม่ตอบ...”พลีสสส บอกผมสิว่ารักผม แกว” เขาเคลื่อนไหวเข้ามาแนบแน่น
และหยุดเพื่อฟังคำตอบ..”วี...เจอ เต็ม... บู คู่(บ)” เธอตอบออกไป... และเขาก็จูบเธอแทนคำขอบคุณ...พร้อมทั้งเคลื่อนไหวอย่างเร่าร้อน... หนักแน่น
ก่อนที่ฟ้าจะมืด... และดาวจะโผล่เต็มท้องฟ้า.... แต่สิ่งใดก็ไม่อาจจะหยุดรักของคนทั้งคู่ได้ เมื่อหัวใจเรียกร้องกันและกัน
...............................................จบค๊า....................................................................