12/26/2010

รักกุ๊กกิ๊ก...เกาะตาฮิติ นิยายรัก ตอน 7


หนึ่งเดือนผ่านไป ที่แก้วใสรู้สึกมีความสุข เพราะตอนนี้หมอเองยอมรับเธออย่างเปิดเผย และแสดงออกชัดเจนว่า ต้องการจีบเธอเป็นหวานใจ โดยที่ลด ละ เลิก เหล่านารีทั้งหลาย ให้เวลาเพียงทำงานและแก้วใส เท่านั้น
แต่เธอก็รู้สึกว่า เธอน่าจะรู้สึกมีความสุขมากกว่านี้ เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่เธอเฝ้ารอคอยมาตลอดสองปี...แต่ใจเธอ..ทำใม ไม่สุขแบบที่เธอหวังไว้นะ... ไม่เข้าใจตัวเอง
ทางด้านหมอหนุ่มมีความสุข และใจสงบที่มีแก้วใสอยู่เคียงข้าง  แม้ว่าลึกๆ จะรู้ว่าเธอไม่เหมือนเดิมก็ตามเพราะเธอใจลอยบ่อยๆ  แต่เขาก็มั่นใจว่า เขาได้ตามหาหัวใจของตัวเองถูกต้องแล้ว และเขาจะใช้เวลาทั้งหมด พิสุจน์ตัวเองว่าเขาเปลี่ยนแปลงไปแค่ใหน กับเธอ...
“เธอเหมือนมีอะไรในใจตลอดเวลาเลยนะแกว... ไม่เหมือนคนอินเลิฟเลยอ่ะ” สเปียร์แอบถามในวันหนึ่งที่ไปนั่งดื่มด้วยกันที่ บาร์ของคริสต๊อป เพื่อนซี้
“ไม่นี่ ฉันมีความสุขดี ตอนนี้ หมอเองก็ใส่ใจฉันมาก เขาดูแลฉันดี แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน..ฉันควรดีใจไม่ใช่เหรอ”
“ใช่...เธอควรดีใจ...แต่ที่ฉันเห็นนี่ มันคนละเรื่องนะแกว” เพื่อนสาวแย้ง...
นั่นทำให้เธอ กลับมานอนคิด นั่งคิดว่า เธอสับสนอะไร ใจเธอไม่เต็มร้อยกับหมอ เพราะอะไร
ทำใมเธอถึงคิดถึงคนอื่น คนที่เธอควรจะไม่ชอบเขาด้วยซ้ำ
แม้แต่บนที่นอนนี่ก็เคยมีผู้ชายคนนั้น นอนกอดเธอ และทำให้เธอหลับฝันดี... ใช่ แม้แต่ที่นอนตรงนี้ก็ยังคงมีไออุ่นจากเค้าคนนั้นอยู่...เฮ้อ
............................................................................................
อีวานร์ ไปทำงานที่นิวซีแลนด์ ต้องบินไปและ บินกลับ ระหว่างตาฮิติ กับนิวซีแลนด์ตลอดเวลา
และแม้ว่า เวลาจะผ่านไปเป็นเดือนแล้วก็ตาม แต่ใจเขาก็ไม่เคยลืมแก้วใสเลย ความโกรธยังคงอยู่ และมากขึ้นอีกด้วย
และแฟนสาวเอง ตั้งแต่วันนั้น ก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย... เธอเองก็ไม่เคยที่จะติดต่อเขา
เมื่ออีวานร์ก้าวถึงบ้าน... รู้สึกว่า เหนื่อยล้า อยากนอนพัก ...
แต่เมื่อถึงห้องนอน ก็พบกระดาษโน๊ต จากหมอฟอร์ท เรื่องขอเลิกกับเขา
เนื่องจาก ตอนนี้ มีคนใหม่แล้ว
เขาเบี่ยงตัวนั่งบนที่นอน... ความอ่อนล้า เมื่อครู่กลายเป็นเรื่องรองลงไป เพราะอาการ ปวดหัวมาแทน...
เขาก้าวไปเปิดตู้เสื้อผ้า.. ใช่เธอขนของออกไปหมดแล้ว... เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรมากนัก หากแต่รู้สึกว่า ที่ผ่านมาเขาเองไม่ได้มีความหมายต่อแฟนสาวมากนัก เป็นเพียงเครื่องประดับชิ้นหนึ่งแค่นั้นเอง
เขารู้สึกอยากดื่มอะไร...ก่อนที่จะนอน เพราะหากนอนตอนนี้ คงไม่หลับแน่นอน
ว่าแล้วก็ กดโทรศัพท์หาพอล ให้ตามไปเจอที่ บาร์ของคริสต๊อป 
หลังจอดรถแล้ว เขาก็เดินไปทางด้านข้างของบาร์เล็กๆ ของซี้นั่น
พลันหัวใจเขาก็เต้นระทึก  ความโกรธพุ่งกระฉูด ... โกรธอะไรกัน... เพียงแค่เห็นเธอจากด้านหลัง ในชุดเสื้อสีดำเปิดหลัง นั้น กระนั้นหรือ
ใช่...เธอนั่งหลังตรง ผิวที่ขาวเหลืองนั่น เนียนสวยดั่งที่ชายทั้งโลกอยากจะเห็นสีผิวแบบนี้ของชาวเอเชีย  เธอหัวเราะสนุกสนานกับเจ้าของบาร์สุดหล่อนั้น ยิ่งเพิ่มดีกรีความหงุดหงุดให้เข้าขึ้นไปอีก
ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านไปนี่เขาเป็นทุกข์อยู่คนเดียว ขณะที่เธอคงอินเลิฟกับแฟนหนุ่มสินะ ถึงได้ระเริงรื่นขนาดนี้
สองขาพาเขาเดินไปใกล้เธอทันที  แม้ใจจะสั่งให้ไปนั่งที่อื่นและดื่มรอเพื่อนก็ตาม..แต่ขามันก็ชนะอยู่ดี
“เฮ้ย ไอ้เสือ” คริสต๊อป ทักทายแจ่มใส ตามนิสัยของเค้า
เธอหันมามอง...แต่กิริยานั่นชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าเป็นเขา  ทักทายคำเดียวแล้วก็หันกลับไป ด้วยท่าทางที่เย็นชาเหลือเกิน
“รู้สึกมีความสุขจริงนะ คนอินเลิฟก็งี้แหละ” เขาพูดอะไรออกไป... บ้าเอ๊ย นี่เขาเป็นอะไร
เธอไม่ตอบ หน้าเธอนิ่ง คอตั้งหลังตรงขึ้นไปอีก...  ก่อนที่จะเอ่ยขอตัวกับเจ้าของบาร์แล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์ในรถ ไม่มองเค้าแต่อย่างใด
หยิ่ง ผยอง ... ใช่ละ...เหมือนครั้งแรกที่เขาเจอเธอเลย
“ขอไรแรงๆ มาดับอารมณ์สิเพื่อน” เขาหันไป ยิ้มๆ กับคริสต๊อป และเดินถือขวด เหล้าฝรั่งเศสไปนั่งข้าง ริงหน้าต่าง  คริสต๊อป มองเพื่อนสุดหล่อ อย่างแปลกใจที่วันนี้ทำใมเขาถือเหล้าไปทั้งขวดแบบนั้น
เขานั่งรอพอล และกระดกเหล้า เหมือนคนตายอดตายอยาก..หูคอยเงี่ยฟังเธอคุยอย่างสนุกสนานกับคริสต๊อป  บ้าเอ๊ยยย ทำใมเธอมีอิทธิพลกับเขาเพียงนี้นะ 
ความสนุกสนานของสองเพื่อนซี้ที่คุยกันอยู่นั้น ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นไปอีก ทำใมเธอช่างมีความสุขได้ขนาดนี้ ใครผ่านไปผ่านมาก็ทักทายเธอและสนใจเธอเป็นพิเศษ เขาสังเกตุเห็น ไอ้หนุ่ม ข้างๆ สะกิดเพื่อนที่มาด้วยกันให้มองเธอ และกระซิบกระซาบตามประสาหนุ่มเปลี่ยว
เขาหันไปมองเธอ ที่ส่งยิ้มมาที่สองหนุ่มนั่น แล้วทำก้มหัวขอบคุณ สำหรับดริ๊งค์ที่คริสต๊อป วางให้ และชี้มือมาที่หนุ่มสองคนนี้ เพื่อบอกว่า พวกเขาขอเลี้ยงเหล้าเธอดริ๊งค์นี้
เขาหงุดหงุด และอารมณ์หึงหวง พุ่งกระฉูด... ลุกขึ้น เดินไปประกบเธอทันที
“คนมีแฟนแล้วเค้าไม่ยิ้มให้ใครไปทั่วหรอกนะ...ผู้หญิงไทยเค้าทำกันแบบนี้ทั้งประเทศหรือเปล่า”
คนฟัง รู้สึกเลยว่า ประโยคนั้น สำเนียงของคนเมาชัดๆ
“คุณน่าจะเมาแล้วนะ ถึงได้พูดจาหมาเห่าแบบนี้” เธอสวนมา ทันที พร้อมลุกขึ้นหยิบกุญแจรถ เดินออกไป
เธอหมดอารมณ์ จะอยู่ต่อแล้ว.... หลงคิดถึงเขามากมาย แต่เขาก็ไม่เคยเลยจะติดต่อเธอ
หายไปเป็นเดือน พอกลับมาเจอหน้าก็ กัดเธอซะอีก...
แก้วใส เปิดประตู แต่ใครบางคนเอื้อมมาปิดมัน เธอหันขวับมาทันที 
“อะไร” เธอถามเป็นภาษาไทยกลับมา  ผมที่เกล้าขึ้นไปนั้น หลุดร่วยลงมานิดหน่อย นั่นดูสวยเซ็กซี่เหลือเกิน คอระหงที่ตั้งตรงนั่น ดูงามสง่ายิ่งนัก
“ผมพูดอะไรผิดไปไม่ทราบ คนที่ลับหลังแฟนน่ะ เค้าไม่ควรมานั่งอ่อยใครตามบาร์แบบนี้หรอก
หรือว่าทำบ่อยที่เมืองไทยล่ะ” เขาพูดพร้อมเซ
“นี่คุณ เมาแล้วอย่ามาหาเรื่องดีกว่ามั๊ย”  เธอไล่เขาออกจากประตูรถของเธอ
“พูดแค่นี้ ทำเป็นรับม่ายด้ายยย  มันแทงใจหรือยังไงกันคร๊าบบบบ ผมน่ะเห็นมาเยอะแล้ว ผู้หญิงที่นั่งดื่มตามบาร์แบบคุณเนี่ย... ไม่ถึงชั่วโมงก็คลานขึ้นเตียงพร้อมเยื่อแล้วแหละ”  เขาพูดพร้อมทำหน้าสยิว เพื่อล้อเลียนเธอ
หน้าที่ลอยไปลอยมาเวลาพูดนั่น ถูกฟาดด้วยมือของเธอลงไปเต็มแรง... เขาจำได้ดีว่าเธอมือหนักแค่ใหน... ไม่ต้องเดาว่าหน้าขาวๆ ของเขาตอนนี้จะมีริ้วขึ้นมากี่ริ้ว
เขากระโดด ขย้ำคอของเธอทันที เหมือนไอ้เสือที่ขย้ำลูกกว้าง      เหยื่อของมัน
สองมือที่บีบคอระหงนั้น แข็งแรง จนเธอกระไอ เพราะหายใจไม่ออก อีกทั้งตกใจสุดขีด ไม่ทันได้ตั้งตัว และสายตาเค้าตอนนี้ เหมือนเสือที่หิวโหยในสาระคดีก่อนที่จะ กระโดดประกบเหยื่อของมัน
เธอจับแขนเขา เขย่าเพื่อเตือนสติ...  เขาคลายมือออกนิดหน่อย เปลี่ยนเป็นพลิกฝ่ามือขึ้นมาล็อคใบหน้าของเธอ พร้อมประกบปากเธออย่างรวดเร็ว
แก้วใสตกใจ ช็อค ทำอะไรไม่ถูก ในขณะที่ชายหนุ่ม ดูดดื่มริมฝีปากนุ่มนั่นอย่างโหยหาและเร่าร้อน... ความโหยหานั่น มันผ่านออกไปจากการสัมผัส... เธอรับรู้ได้...แต่
“เปี๊ยะ” เสียงฝ่ามือกระทบผิวหน้าอีกครั้ง หลังจากที่เธอดิ้นหลุดออกจากกรงแขนของเขา
หน้าชา หันตามรอยตบ... แต่ดูเหมือนไอ้เสือหน้าหยกจะไม่รู้สึกเจ็บ แต่รู้สึกได้ถึง ความสุขกับรสจูบนั่น
มันช่างอบอุ่น หวานละมุนดั่งที่เขาปรารถนาเสียเหลือเกิน...
หญิงสาวเห็นเขาไม่ขยับแล้ว เธอก็ก้าวหนีทันที เพราะเขาคงเมาจนไม่รู้สึกอะไร เธอเปิดประตูรถ รู้สึกว่า น้ำอุ่นๆ ไหลออกจากตา ไต่ลงไปที่แก้ม...
อีวานร์ คว้าเธอไว้... และกอดเธอจากด้านหลัง ล็อคแน่น....
“เจอ เต็ม” (ผมรักคุณ) เขากอดเธอ “ไอ เลิฟ ยู” เขาย้ำอีก  พร้อมกอดทั้งอ้อมแขน ทั้งลำตัว ซุกใบหน้าที่ผมของเธอ ที่หลุดร่วยลงไปตอนที่เขาบีบคอเธอ...
หญิงสาวตกใจ ที่อีวานร์ เอ่ยว่ารักเธอ ข้างหูนั่น และอ้อมแขนนั้น ร่างกายนั้นของอีวานร์สั่นระริก เธอรู้สึกได้...
เธอ สะบัดอ้อมแขนเขาออกไป และ กระโดดขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว  สวนทางกับ พอล ที่เข้ามาพอดี แต่เธอ ตอนนี้ ต่อมน้ำตาแตก เป็นเขื่อนทะลักแล้ว
น้อยใจและเสียใจมากมายที่เขาคิดอยากจะด่าเธอก็ด่า อยากจะฆ่าเธอก็ทำ อยากจะจูบเธอก็ทำ  เธอมันไร้ค่าขนาดนั้นเชียวหรือ เธอจับริมฝีปากตัวเองและถูอย่างแรงเพื่อเตือนสติ
.................................................................................................................
อีวานร์ตื่นขึ้นมาพร้อมอาการมึนที่หัวอย่างแรง เหมือนใครเอาค้อนมาทุบหนักๆ และมันอึ้งในหัว
เขาจำไม่ได้ว่ากลับมานอนได้อย่างไร จำได้ว่า ตัวเองไปกินเหล้าที่บาร์เพื่อน เห็นแก้วใส
และคับคล้ายคับคาว่า เกิดการพูดคุยกันก่อนที่เธอจะขับรถออกไป
และคับคล้ายคับคาว่า เขาบีบคอเธอ ก่อนที่จะเปลี่ยนใจ จูบเธออย่างเร้าร้อน...
มันเป็นเรื่องจริง หรือฝันไปนะ... โอ๊ยยยย จำอะไรไม่ได้เลย
นี่เขาทำอะไรบ้างนะ... เขาทำร้ายเธอจริงๆ แบบในฝันนั่นหรือเปล่านะ ..คิดไม่ออก
เดินโซเซออกไปข้างนอก และเพื่อนรักได้เตรียมกาแฟไว้ให้แล้ว และมองเขาอย่างขำๆ
“ยังไม่ตายเหรอวะ”
“ฉันกลับมาได้ยังไงนี่”  เขาถาม
“เกิดอะไรขึ้นวะ ตายอด ตายอยาก มาจากใหนอ่ะ หายไปเป็นเดือนนี่ ไม่ได้แตะเหล้าเลยหรือยังไงเพื่อนกู” พอลถาม พร้อมยื่นกาแฟดำมาตรงหน้าอีวานร์
“ฉันจำได้ว่า เห็นแก้วใส เมื่อคืน”
“ไม่นี่...ฉันไม่เห็นนะ เห็นแต่นาย นั่งกรอกเหล้าเข้าปากอยู่คนเดียว” พอลตอบตามจริง
อีวานร์คิดว่า งั้นเขาคงฝันไปจริงๆ คงไม่ได้ทำร้ายแก้วใส แบบนั้นหรอก เพราะเขาไม่เคยทำร้ายผู้หญิงอยู่แล้ว ยิ่งจูบเธอ โดยที่เธอไม่อนุญาตินี่เขายิ่งไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตกับผู้หญิงคนใหนก็เถอะ....
..........................................................................................
แก้วใส เสียใจ และน้อยใจ หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น  แถมเจอเขา ที่สถานีท่าเรือ ยังไม่มองเธอเลย ไม่เอ่ยอะไร เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้น
เธอกลับมาวิ่งเข้าห้องนอน ร้องไห้อีกครั้งจนตาบวม ไม่เข้าใจว่า น้ำตามันมาจากใหนมากมาย..

%%%%%%%%%%%%%%พรุ่งนี้ตอนจบค่ะ%%%%%%%%%%%%

http://wwwlifeinfrance.blogspot.com/2010/12/8.html ตอน แปด ค่ะ